“กอร์ปศักดิ์” ชำแหละเงินกู้ 2 ล้านล้าน เตือนระวัง “เงินทอน” ไหลผ่านค่าที่ปรึกษา
“กอร์ปศักดิ์” ชำระเงินกู้ 2 ล้านล้าน เตือนระวัง “เงินทอน” ไหลผ่านค่าที่ปรึกษาโครงการ 1.5 หมื่นล. หลังรัฐบาลตั้งงบไว้สูงถึง 4.4 หมื่นล้าน เฉพาะรถไฟความเร็วสูง พุ่ง 1.2 หมื่นล้าน จ้างผ่านวิทยายุทธบริหารโครงการแบบเหนือเมฆ ชี้ โกงกันทุกยุคทุกสมัย ได้นักการเมืองดี เงินทอนน้อยหน่อย

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อ ว่า “Korbsak sabhavasu” ตั้งข้อสังเกตการใช้จ่ายเงินกู้จำนวน 2 ล้านล้านบาท ของ รัฐบาล ว่า อาจจะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ตกหล่นจากการลงทุนทำโครงการต่างๆ หรือที่เรียกว่า “เงินทอน” ผ่านค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาโครงการ และค่ารับเหมาก่อสร้าง ซึ่งตั้งไว้สูงถึง 44,983 ล้านบาท
นายกอร์ปศักดิ์ ระบุว่า เพื่อนๆเคยสร้างบ้านใหม่ไหม ถ้าเคย คงจําได้ว่า ค่าใช้จ่ายมาเป็นระลอกๆ ไหนจะเป็นค่าที่ดิน ค่า สถาปนิก – วิศวกรออกแบบ ถ้าบ้านหลังใหญ่เสียค่าควบคุมงานอีกต่างหาก และที่มากสุดคือค่าก่อสร้างของผู้รับเหมา ตบท้ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ หมดตัวได้ง่ายๆเลยละ
รัฐบาลจะสร้างถนน สร้างระบบป้องกันน้ำท่วม สร้างทางด่วน สร้างรถไฟความเร็วสูง ก็ไม่ต่างกันครับ ต้องจ่ายค่าที่ดิน ( บางครั้งต้องเวนคืนที่ดิน ) จ่ายค่าสถาปนิก – วิศวกร ช่างควบคุมงาน และจ่ายค่าก่อสร้าง เหมือนสร้างบ้านหลังน้อยของเพื่อนๆทุกประการครับ จะต่างกันก็ที่ขนาดและความอลังการ เท่านั้น
ตามดูรายการค่าใช้จ่ายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่าเงินจะผ่านมือเมื่อไหร่ ทอนกันตรงไหน อย่างนี้ครับ
เงินผ่านมือค่าที่ดินผมว่าปล่อยได้ เงินทอนหายากเพราะผู้ขายหรือผู้ถูกบังคับให้ขายคือประชาชนทั่วไป ไม่มีใครยอมให้มีเงินทอนแน่ ที่ต้องติดตามคือค่าออกแบบและควบคุมงาน ที่เรียกว่า ‘ ค่าใช้จ่ายที่ ปรึกษาโครงการ" และค่ารับเหมาก่อสร้างครับ
วันนี้จะคุยถึงเงินผ่านมือที่เรียกว่า “ ค่าที่ปรึกษาโครงการ" ก่อนครับ สําหรับเงินค่าก่อสร้างก้อนมหึมา รอติดตามช่วงต้นปีหน้าโน้นละครับ
ค่าที่ปรึกษาโครงการนี่ รัฐบาลจัดไว้หนักมาก ตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 44,983 ล้านบาท ไปเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ ว่ารัฐบาลจะจ่ายค่าออกแบบ ค่าควบคุมงานถึง 4-5 หมื่นล้านบาท ( สงสัยจะจ้าง โคตรวิศวกรระดับเทพเลยทีเดียวละ )
เม็ดเงินที่จะผ่านมือจากรัฐบาลไปที่บริษัทที่ปรึกษาแต่ละปีอย่างนี้ครับ
ปี 2556 3,292,845,112.00 บาท
ปี 2557 13,705,571,414.00 บาท
ปี 2558 8,965,795,116.00 บาท
ปี 2559 2,997,103,118.00 บาท
ปี 2560 – 61 442,786,000.00 บาท
รวมเงินผ่านมือ 44,982,752,760.00 บาท
( เฉพาะค่าออกแบบและควบคุมการก่อสร้างของโครงการรถไฟความเร็วสูงตั้งไว้ 12,500 ล้านบาท )
ถามว่า จะตกหล่นซักเท่าไหร่ ผมว่า 30 – 40 % ไม่น่าจะผิด เงินหล่นทับหัวคนคนเดียวหรือทั้งก๊วนไม่หนี 10,000 – 15,000 ล้านบาท
ตัวเลขเงินตกหล่น เงินทอนจะสูงมาก สาเหตุจากการใช้วิทยายุทธในการบริหารโครงการแบบเหนือเมฆ เริ่มด้วย
1. ตั้งงบไว้สูงลิ่ว เผื่อค่าเงินทอนไว้แล้ว บริษัทฯที่ปรึกษาไม่ต้องกังวลว่าจ่ายมากขนาดนี้แล้วจะโดนเข้าเนื้อ ( เส้นทางรถไฟสายอีสาน สายใต้เลยหดสั้นจู๋ เพราะต้องเตรียมเงินทอนไว้มาก )
2. ใช้ระเบียบการว่าจ้างที่ไม่ต้องมีการประกวดราคา ใช้วิธีประกวดแบบ ประกวดความสามารถทางเทคนิค ( Technical proposal ) รัฐบาลจะเปิดซองราคา ( Price proposal ) เฉพาะของบริษัทที่ชนะการประกวดแบบเท่านั้น กรรมการที่รัฐบาลตั้งจะเป็นผู้พิจารณาข้อเสนอและให้คะแนน ดําเนินการ เป็นการภายใน ไม่เปิดเผย (เลือกได้ตามใจชอบ)
รายการของ AF Voices หรือประกวดนางงามอย่างน้อยคนได้ดู ได้เห็น หลายรายการผู้ชม เป็นผู้โหวต เป็นกรรมการเสียเอง แต่การประกวดแบบของรัฐบาลครั้งนี้ปิดเป็นความลับ อยากได้งาน แบบสวยอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องวิ่งเก่ง จ่ายเงินทอนมาก จึงจะถึงดวงดาว
“มีข้อมูลในมือแล้ว ภาคประชาชนต้องช่วยกันตรวจสอบอย่างเข้มข้น เผื่อรัฐบาลใจอ่อนลดเงินทอนบ้าง เส้นทางรถไฟฟ้าจะได้ยาวขึ้นด้วยครับ”
ผู้สื่อข่าวว่า ในการโพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้จ่ายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ดังกล่าว มีคนในโลกออนไลน์เข้ามากดไลค์และนำไปแชร์ต่อจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายกอร์ปศักดิ์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “ โกงกันทุกยุคทุกสมัย ได้นักการเมืองดี เงินทอนน้อยหน่อย นักการเมืองชั่วเงินทอนมากขึ้น ระเบียบใช้เงินวางโดยข้าราชการ ถ้าข้าราชการดีแต่นายชั่ว ข้าราชการไปก่อน social media ทำให้ภาคประชาชนรับรู้ข้อมูลมากขึ้นเพราะมีการ share ข้อมูล น่าจะช่วยให้นักการเมืองโกงเพลามือลงบ้าง แต่หน่วยงานอิสระเช่น ปปช. ศาล ต้องแข็งแกร่งด้วย ประเทศด้อยพัฒนาจะเป็นอย่างนี้ กว่าจะหลุดพ้นวงจรอุบาทของการโกงได้ก็แสนนาน บางประเทศไม่หลุดพ้นเลยจนกระทั่งประเทศล่มสลาย”
