'อักขราทร' ชี้แก้รธน.ที่ทำกันอยู่ไม่ปกติ ลั่นรู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
ศ.ดร.อักขราทร ย้น รธน.จะต้องเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพประชาชน ชี้จะออกกฎหมายอะไรก็ทำไปแต่อย่าล้มล้างสิ่งที่เป็นหลักสำคัญของ รธน.ดีที่สุด
(4 เม.ย.) ที่ห้องประชุมคึกฤทธิ์ ปราโมช มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย ได้จัดพิธีมอบรางวัลบทความด้านกฎหมายดีเด่น เนื่องในวันสัญญา ธรรมศักดิ์ 5 เมษายน 2556 ทั้งนี้มี ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวปาฐกถาเรื่อง "บทบาทของกฎหมายต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย"
ศ.ดร.อักขราทร กล่าวตอนหนึ่งว่า ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองพูดอะไรไปก็เป็นประเด็น เพราะเราปล่อยปละละเลยปัญหาเหล่านี้มานาน สิ่งเหล่านี้เกิดในประเทศอื่นมากมาย โชคดีที่เขามีผู้บริหารที่มีสามารถผลักดันให้สังคมเกิดความรู้ และเข้าใจ จนสามารถผ่านพ้นวิกฤติ
"แต่สำหรับบ้านเรา นักวิชาการคนหนึ่งออกมาระบุว่า การทำหน้าที่ขององค์กรตุลาการ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ จะไปตรวจสอบการทำหน้าที่องค์กรนิติบัญญัติได้อย่างไร ตนแปลกใจมากที่ออกมาพูดเช่นนี้ เพราะยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาด รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบทุกฝ่ายว่า กระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายการเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือไม่ อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า สิ่งที่ทำกันอยู่ไม่เป็นไปตามปกติ อยากให้ดูที่ใจของผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ทำไปเพื่อประโยชน์ของหลักกฎหมายหรือไม่ ส่วนตนรู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พร้อมถกเถียงกันตัวต่อตัว และพร้อมที่จะให้ข้อมูลข่าวสาร
ศ.ดร.อักขราทร กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญจะต้องเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิ่งที่บัญญัติไว้เป็นบรรทัดฐานในรัฐธรรมนูญ จะต้องได้รับการปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้น จะออกกฎหมายอะไรก็ทำไป แต่รัฐธรรมนูญต้องอยู่สูงสุด อย่าไปล้มล้างสิ่งที่เป็นหลักสำคัญของรัฐธรรมนูญก็แล้วกัน
ส่วนกรณีที่มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ให้ต่อไปประชาชนไม่สามารถร้องตรงศาลรัฐธรรมนูญ ได้ต้องผ่านทางอัยการสูงสุดนั้น อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า ก็อยู่ที่การเขียน และคนส่วนใหญ่จะยอมรับในกติกานี้มากน้อยแค่ไหน
"กรณีร้องโดยตรงต่อศาล จะไม่มีปัญหาถ้าประชาชนเห็นว่า ตรงไปตรงมา พึ่งได้ แต่สำหรับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น มีเหตุการณ์อย่างอื่นในทางการเมือง ที่ทำให้ถูกมองว่า น่าจะไม่ตรงไปตรงมา เขาก็ไม่ไว้ใจ พอจะไปแก้ไขให้ต้องร้องผ่านอัยการทางเดียวเท่านั้น เขาก็จึงไม่พอใจ ซึ่งการร้องโดยตรงหรือผ่านอัยการนั้นไม่เหมือนกัน ก็อยู่ที่ประชาชนทั้งหลาย ต้องคิดว่าอะไรเป็นเหตุเป็นผล ที่จะสามารถใช้กับประเทศไทยได้"
ขณะที่ มุมมองการแก้รัฐธรรมนูญของฝ่ายการเมือง จะนำไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมืองหรือไม่นั้น ศ.ดร.อักขราทร กล่าวว่า สำคัญอยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจปัญหาต่าง ๆ เพราะความดีความชั่วเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ แต่เมื่อไม่อธิบายก็ไม่รู้
“ทุกวันนี้ที่ผมเป็นห่วง ผมห่วงตรงที่ว่าเราเริ่มไม่ค่อยรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อาจเพราะเหตุว่า เราไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน กลุ่มใครกลุ่มมันต่างมีข้อมูลของตัวเอง เหมือนกลับไปสู่ยุคที่เชื่อถือในตัวบุคคล ไม่เชื่อในองค์ความรู้ที่ควรจะมี”