คอลัมน์ ในวงเล็บ : อนุสรณ์ผู้แพ้แด่ “จูดี้”

(พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์)
ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มีมติเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ประกาศรับรอง “ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร” เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) สมัยที่ 2 ตามคาด แม้การพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านกว่า 30 เรื่องจะยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม
ถือเป็นการ “ปล่อย” ไปก่อน แล้วค่อยตาม “สอย” ทีหลัง เนื่องจากกฎหมายให้เวลาพิจารณาเรื่องร้องเรียนได้ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ทว่า “ฝ่ายสืบสวนสอบสวนกกต.” ยืนยันจะเร่งปิดสำนวนด่วนจี๋ใน 3 เดือน
ถึงวันนั้น “กองเชียร์-กองชัง” ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ค่อยรอลุ้นอีกรอบว่าจาก “ใบขาว” จะเปลี่ยนสีเป็น “ใบเหลือง” หรือ “ใบแดง” หรือไม่ แต่วันนี้ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่-นั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งก่อน
“ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ถือฤกษ์เวลา 07.29 น. ของวันที่ 29 มีนาคม เดินทางเข้าศาลาว่าการกทม. และเข้าห้องทำงานในเวลา 07.49 น. โดยบอกข้าราชการว่า “เก้าอี้ยังนั่งสบายเหมือนเดิม ถึงแม้ไม่ได้นั่งมา 3 เดือน”
ขณะที่ “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” อดีตผู้สมัครจากเพื่อไทย นับถอยหลังหวนคืนเก้าอี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) หากไม่มีอะไรผิดพลาดคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) น่าจะอนุมัติคำขอกลับเข้ารับราชการของ “บิ๊กจูดี้” ได้ในวันที่ 4 เมษายนนี้
อย่างไรก็ตามก่อนสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีบางฉาก-บางช็อตที่ไม่บันทึกไว้ใน “อนุสรณ์ผู้แพ้” ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการหา “แพะบูชานาย(ใหญ่)” ซึ่งออกอาการกริ้วจัด
ทุกสายตาในเพื่อไทยล้วนจับจ้องไปที่ “เจ้าแม่ กทม.” นาม “คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ก่อนกระซิบข้างกกหู “พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเพราะ “เจ๊หน่อย” ไม่ออกแรงหนุน “บิ๊กจูดี้” อย่างจริงจัง ซ้ำยังปล่อยให้ “เด็กในคาถา” ที่เป็นสมาชิกสภากทม. (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) เกียร์ว่าง-ห่างพื้นที่ จนเพื่อไทยเสียแต้มในฐานเสียงสำคัญ
งานนี้เล่นเอา “เจ้าแม่” เสียเหลี่ยม เพราะถูก “นายใหญ่” สไกป์มาจวกกลางวงใหญ่-ในที่ประชุมพรรค จนต้องแจ้นไปขอขมา-เคลียร์ใจกันถึงประเทศพม่าเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน
นี่คือปัญหาของ “คนมีหน้าที่” แต่ไม่ยอมทำหน้าที่
ทว่ายังมีเรื่อง “ในวงเล็บ” ของ “คนอยากมีเอี่ยว” แต่ถูก “ผู้มีอิทธิพล” สกัดไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้องในนามเพื่อไทยอีก 2 คน
คนหนึ่งเป็น “อดีต ผบ.ตร.” นาม “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” ผู้สมัครอิสระ ซึ่งแรกเริ่มตั้งใจลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามเพื่อไทย แต่ต้องฝันสลาย เมื่อผู้ใหญ่ในพรรคอ้างโพลล์ภายในระบุเรตติ้งยังไม่ติดเพดาน
แต่ลึกๆ แล้วว่ากันว่าแรงต้านสำคัญอยู่นอกพรรค เมื่อ “ขาใหญ่” ซึ่งมักสวมบท “กุนซือ-กระบอกเสียงรัฐบาล” ยื่นคำขาดไม่เอาชื่อ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เนื่องจากเป็นคู่แค้นกันมานาน
สุดท้ายเพื่อไทยก็เลือกรักษาน้ำใจ “ขาใหญ่” ไม่ส่ง “วีรบุรุษนาแก” ลงสมัคร เพราะไม่ต้องการเสีย “พันธมิตรนอกวงการ”
อีกคนเป็น “อดีตหมอ” ควบ “อดีต ส.ส.กทม.ไทยรักไทย” นาม “นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์” ซึ่งแสดงความจำนงอยากร่วมวงในฐานะรองผู้ว่าฯ กทม. มากๆๆๆ หาก “บิ๊กจูดี้” ชนะการเลือกตั้ง ถึงขั้น “คุณแม่(โทร.)ขอร้อง” แกนนำเพื่อไทยหลายคน หลังจากเคยประสบความสำเร็จในการร้องขอแทนลูกรักมาแล้วหลายโอกาส
แต่งวดนี้ไปไม่ถึงฝั่งฝันเช่นกัน เพราะถูก “โจทก์เก่า” เตะสกัดทุกช่องทาง หากยังจำกันได้ “หมอพฤฒิ” ผละจากอก “เจ๊หน่อย” หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ก่อนโผเข้าซบ “แก๊ง 3 พี” แห่งพรรคเพื่อแผ่นดิน จนได้ดิบได้ดีเป็น “รัฐมนตรีช่วย”
แต่ปัจจุบันไม่มีตำ แหน่งแห่งที่ จึงคิดหวนกลับมาลงหลักปักฐานที่บ้านเก่าอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันถึงบ้านเก่า “อดีตรัฐมนตรี ว. แหวน” ซึ่งจัดเป็น “มือขวาเจ๊หน่อย” ก็จัดการ “ปิดประตูตีหมอ” ขู่ถอนกองกำลังสนับสนุนทุกพื้นที่ พร้อมตัดญาติ-ขาดมิตร “บิ๊กจูดี้” หากมีชื่อ “นพ.พฤฒิชัย” ร่วมทีม
งานนี้ “แม่หมอ” ที่ว่าแน่ ยังต้องแพ้เสียงคำราม “เจ้าแม่ กทม.”
จริงอยู่ที่เรื่ องของ “2 คนที่อยากมีเอี่ยว” อาจไม่มีผลต่อการแพ้-ชนะของเพื่อไทยในศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกทม. ที่ผ่านมามากนัก แต่ทุกฉาก-ทุกช็อตสามารถอธิบายวัฒนธรรม “พรรคใหญ่” ได้เป็นอย่างดี
เป็นพรรคที่ชอบตีรันฟันแทงกันเอง จนต้อง “แพ้ภัยตัวเอง” ทุกครั้งที่มีการช่วงชิงอำนาจ!!!
-----
อ่านเรื่องเก่าๆ
