"สุนี" ติงสภาคว่ำ ร่างฯประกันสังคมฯ ฉบับปชช.ส่อเจตนาเอื้อประโยชน์นักการเมือง
คปก. ฉะ สภาฯ ทิ้งร่างฯ ปชช. ใช้อำนาจไม่ชอบ ส่อเจตนาดึงกองทุนประกันสังคม เข้าใต้ปีก ก.แรงงาน เอื้อประโยชน์นักการเมือง ลั่นจะร่วมภาคประชาสังคมตรวจสอบเข้มกว่าเดิม
วันที่ 25 มีนาคม นางสุนี ไชยรส รองประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และประธานคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายด้านสวัสดิการสังคม กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร มีการลงมติในวาระแรก ของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันสังคม (ฉบับที่....) พ.ศ..... ไม่รับหลักการในร่างฯฉบับภาคประชาชน ว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรอาศัยเสียงข้างมากของพรรครัฐบาล ลงมติไม่รับหลักการร่างกฎหมายประกันสังคม ฉบับเข้าชื่อของประชาชน เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ร่างของประชาชนตกไปทั้งฉบับ แม้ว่ารัฐบาลอ้างว่าจะให้ตัวแทนประชาชนผู้เสนอชื่อเข้ามาเป็นกรรมาธิการวิสามัญ 1 คน ถือเป็นการใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรทำตามอำเภอใจครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การพิจารณากฎ หมายของสภาผู้แทนราษฎร
"รัฐบาลและเสียงข้างมากในสภาฯ สามารถทำเช่นนี้ได้เท่ากับว่าเจตนารมณ์และบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเข้าชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 10,000 คนเสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภา
ซึ่งเป็นการเปิดช่องทางหนึ่งในการใช้สิทธิประชาธิปไตยทางตรงของประชาชน และมีกำหนดชัดเจน ให้มีสิทธิเป็นกรรมาธิการวิสามัญในการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว จำนวน 1 ใน 3 ของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญทั้งหมด ไม่ว่าจะมีการพิจารณากี่ร่างกฎหมายก็ตาม เท่ากับว่ารัฐธรรมนูญ มาตราดังกล่าวได้ถูกฉีกทิ้ง"
นางสุนี กล่าวต่อว่า การลุแก่อำนาจด้วยเสียงข้างมากในสภาฯ ครั้งนี้จะมีผลให้ร่างกฎหมายเข้าชื่อของประชาชนที่กว่าจะไปรวบรวมรายชื่อ กว่าจะไปร่างกฎหมายเข้ามาใช้ทั้งเวลาและเงินทุน
จำนวนมาก และกำลังรอการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกนับสิบร่างก็จะไม่มีความหมายใดๆ ซึ่งบางร่างรอการพิจารณามากว่าสองปี รวมทั้งยังมีการเตรียมร่างกฎหมายเข้าชื่อประชาชนอีกจำนวน
มากอยู่ในขณะนี้ ขณะที่รัฐสภาเองก็ได้ผ่านกฎหมายการเข้าชื่อของประชาชน ฉบับใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยกฎหมายฉบับใหม่ได้ยืนยันสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และการมีสิทธิเป็น
กรรมาธิการ วิสามัญ 1 ใน 3 และให้มีองค์กรต่างๆมาสนับสนุนภาคประชาชน ในการจัดทำร่างกฎหมายเพิ่มจากเดิม รวมทั้งลดเงื่อนไขเวลาและเงินทุนให้ประชาชน ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากการ
ต้องมีทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นเพียงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อย่างเดียวเท่านั้น
กังขาเหตุคว่ำร่างฯ ภาคปชช.
นางสุนี กล่าวอีกว่า น่าสนใจมากว่าทำไมรัฐบาลและเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรจึงตัดสินใจเสี่ยงที่จะทำเช่นนี้ ทั้งท้าทายต่อเจตนารมณ์และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ทั้งกระทบต่อความมุ่งหวังอย่างแรงกล้าและแข็งขันของขบวนแรงงานทั้งในระบบ แรงงานนอกระบบ หลายสิบล้านคน ที่รัฐบาลควรจะดูแลและรับผิดชอบในฐานะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
และขบวนผู้คนเหล่านี้รณรงค์และเฝ้ารอคอยร่างกฎหมายประกันสังคมฉบับใหม่นี้ คำตอบดูจะชัดเจนมากจากการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการพิจารณาและปรับปรุงกฎหมาย
ด้านสวัสดิการสังคม กว่า 1 ปีที่ผ่านมา จนได้มีการนำเสนอต่อคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 ในวันอภิปรายวาระที่ 1 ของร่าง 4 ฉบับดังกล่าวซึ่ง คปก.เห็นชอบและกำลังจะ
ลงนามโดยประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมายเพื่อเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาร่างกฎหมายประกันสังคมทั้ง 4 ร่างฯ ดังกล่าวตั้งแต่ต้นของการพิจารณา
ชี้จุดต่างร่างฯ ภาคปชช.เน้นโปร่งใส เป็นอิสระ พ้นก.แรงงาน
นางสุนี กล่าวด้วยว่า ประเด็นสำคัญที่ร่างของประชาชน และร่างของ ส.ส.นคร มาฉิม ต่างจากร่างของรัฐบาลที่ยังคงเป็นส่วนราชการ อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงานเช่นเดิม แต่ร่างประชาชน
ให้สำนักงานกองทุนประกันสังคม มีการบริหารที่เป็นอิสระมากขึ้น ไม่อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงาน แต่เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ มีคณะกรรมการประกันสังคม
ที่มีองค์ประกอบและที่มาจากการมีส่วนร่วมของผู้ประกันตนหลากหลายและชัดเจนขึ้น ขยายการครอบคลุมจากแรงงานในระบบไปสู่แรงงานหลากกลุ่มมากขึ้น มีคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อประกัน
ความเป็นอิสระโปร่งใสตรวจสอบได้จริงจังกว่าที่ผ่านมา และให้มีคณะกรรมการบริหารการลงทุนที่เป็น มืออาชีพ มีการสรรหาที่จริงจัง โดยเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมไม่ใช่ข้าราชการ
แต่มาจากการสรรหาด้วย เพราะวันนี้แม้กองทุนประกันสังคมจะจำกัดเฉพาะแรงงานในระบบเพียงประมาณ 10 ล้านคน แต่เงินกองทุนที่มาจากการสมทบของนายจ้าง ลูกจ้างและรัฐบาลก็สูงมาก
เป็นล้านล้านบาท ต่อไปในร่างใหม่ยิ่งจะขยายผู้ประกันตนมากขึ้นๆ เงินกองทุนก็จะมีมหาศาล
"คำตอบที่รัฐบาลต้องอธิบายต่อ แรงงานทั้งหมด ต่อสังคม ต่อสื่อมวลชนคือ เงินกองทุนมหาศาลนี้ไม่ใช่เงินที่รัฐบาลจ่ายตามลำพัง และที่ผ่านมาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะ
ปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนให้ดีเพียงพอ และความไม่โปร่งใส ตรวจสอบได้ยาก เท่ากับว่ากฎหมายครั้งใหม่ไม่สามารถแก้ปัญหาหัวใจสำคัญคือความเป็น
อิสระ โปร่งใส มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของผู้ประกันตนได้และไม่สามารถจะทำให้กองทุนประกันสังคมพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกันตนได้อย่างแท้จริง"
ตั้งข้อสังเกตดึงกองทุนฯ ใต้ปีก ก.แรงงาน เอื้อนักการเมือง
การใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของเสียงข้างมากในสภาฯ ครั้งนี้ นางสุนี กล่าวว่า มีเจตนาชัดเจนเพื่อดึงเอากองทุนประกัน สังคมอยู่ใต้กระทรวงแรงงานเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองโดย
ไม่สนใจไยดีต่อพี่น้องผู้ใช้แรงงานหลายสิบล้านคนเพราะเมื่อร่างประชาชนและร่าง ส.ส.นคร มาฉิมถูกลงมติให้ตกไปก็ไม่มีหลักการความเป็นอิสระของสำนัก งานประกันสังคม และไม่มีกลไก
คณะกรรมการที่เป็นอิสระและมีส่วนร่วมของผู้ประกันตนอย่างแท้จริง รวมทั้งการตรวจสอบอย่างเข้มงวดกว่าเดิม อย่างไรก็ตามการตัดสินใจของรัฐบาลและเสียงข้างมากในสภาฯครั้งนี้จะยังไม่จบลงไปอย่างง่ายๆ ภาคประชาชนทั้งในส่วนร่างกฎหมายประกันสังคม และร่างกฎหมายเข้าชื่ออีกจำนวนมาก รวมทั้งนักวิชาการและภาคประชาสังคม จะยังมีประเด็นตรวจสอบและผลักดันรัฐบาลต่อไป
เปิดเวทีสาธารณะถกความเป็นอิสระ โปร่งใสของกองทุนฯ
นางสุนี กล่าวด้วยทาง คปก. และคณะกรรมการด้านสวัสดิการสังคมก็จะดำเนินการต่อไปตามที่เตรียมการไว้ คือร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เคยทำงานวิจัยให้สำนักงานประกันสังคม
เมื่อหลายปีมาแล้ว และเสนอให้เป็นองค์การมหาชนที่เป็นอิสระโดยจะจัดเวทีสาธารณะเพื่อนำเสนอ 4 ร่างนี้ในประเด็นความเป็นอิสระของกองทุนประกันสังคมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และมี
ประสิทธิภาพ ในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคมนี้ ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะเสนอบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะของ คปก.ต่อร่างกฎหมายประกันสังคม
ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และมีการเกาะติดเรื่องนี้ไปอย่างต่อเนื่องเพราะร่างกฎหมายประกันสังคมมีความหมายต่อการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมของคนทำงานจำนวนหลายสิบล้านคน
และเป็นข้อต่อในการพัฒนาระบบสวัสดิการการดูแล "ตั้งแต่ครรภ์มารดา ถึงเชิงตะกอน" ตามที่ อ.ป๋วย อึ้งภากรณ์เคยเสนอและมีการขานรับจากสังคมอย่างกว้างขวางมายาวนาน
แต่ยังไม่ประสบผลเสียที
"กองทุนประกันสังคมเป็นเจตนารมณ์ที่เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขร่วมกัน และมีเจตจำนงที่คนทำงานทุกรูปแบบต่างมุ่งหวังจะมีส่วนร่วมในการพัฒนากองทุนร่วมกับนายจ้าง และรัฐบาล โดยมิใช่มุ่งหวังการแบมือร้องขอจากรัฐแต่ฝ่ายเดียว"