ปชป.ชูแก้ปัญหาการศึกษา-คอร์รัปชั่น เชื่อ 3 ปีเห็นผล
ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย เล็งนำแนวคิดในแผนปฏิบัติการ “พิมพ์เขียวประเทศไทย” นำร่องปฏิบัติจริง ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ ท้าให้รอ 3 ปีต่อจากนี้ วัดผลที่เกิดขึ้น
วันที่ 22 มีนาคม ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (Future Innovative Thailand Institute:FIT) แถลงผลการระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญ นักคิด นักวิชาการ และผู้มีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ในโครงการ “ค่ายนโยบายเชิงนวัตกรรม” ระหว่างวันที่ 18-22 มีนาคม ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของแผนปฏิบัติการ “พิมพ์เขียวประเทศไทย” (Thailand Blueprint) ว่า โครงการนี้เป็นการสร้างความรู้สึกเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยตั้งเป้าไว้ที่ปี ค.ศ.2020 โดยยพบว่า ประเทศไทยมีประเด็นปัญหาหลัก 3 เรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไข
1.การศึกษาและการเรียนรู้ ควรมีการลงทุนด้านการศึกษาแก่เด็กตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ เพราะจะได้ผลตอบแทนกลับสูงถึง 7 เท่าในอนาคต การจัดการศึกษาควรเน้นส่งเสริมให้เด็กลงมือทำและฝึกฝนเอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า รวมถึงการจัดสรรข้อมูลการศึกษาและพัฒนาระบบสารสนเทศไปยังจังหวัดและท้องถิ่นเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ
2.ระบบเศรษฐกิจยั่งยืน เนื่องจากระบบเศรษฐกิจไทยยังมีความเหลื่อมล้ำและความยากจน ซึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ปัจจัยด้านการจัดสรรที่ดินให้เป็นธรรม การจัดการแรงงานนอกระบบเพื่อแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน การปรับปรุงระบบภาษี การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแก่ SMEs และการลดต้นทุน รวมถึงการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมบริการและภาคการเกษตร
3.ธรรมาภิบาล เนื่องจากสถานการณ์และลักษณะการคอร์รัปชั่นในไทยหยั่งรากมานาน และได้แปรเปลี่ยนรูปแบบจนมีความรุนแรงขึ้น ภาคส่วนที่มีการทุจริตชัดเจนที่สุดคือหน่วยงานราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รองลงมาคือ ตำรวจและภาคการเมือง และภาคธุรกิจที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับภาคการเมือง รูปแบบการคอร์รัปชั่นนอกจากเรื่องเงิน ยังเป็นการคอร์รัปชั่นเชิงการเมืองหรือเชิงนโยบาย เช่น นโยบายรถคันแรก จำนำข้าว หรือกระทั่งการโยกย้ายตำแหน่ง
นอกจากนี้ปัญหาธรรมาภิบาล การคอร์รัปชั่นในระดับท้องถิ่น จำเป็นต้องมีกลไกที่ทำให้ประชาชนท้องถิ่นสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลได้มากขึ้นด้วย
ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย กล่าวอีกว่า แนวนโยบายหรือความคิดริเริ่มที่ได้จากโครงการนี้ จะถูกสรุปเหลือ 9 แนวทาง และจะนำไปทดลองใช้ใน 5 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ กทม. เทศบาลนครหาดใหญ่ เทศบาลภูเก็ต เทศบาลลำพูน เทศบาลนครศรีธรรมราช จะมีการประเมินผลทุกๆ 6 เดือน และเชื่อว่า ภายใน 3 ปีจะเห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าโครงการพิมพ์เขียวประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์ได้ปลุกปั้นและลงมืออย่างจริงจัง จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ ด้วยหวังเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยรักษาความสมดุลการพัฒนาประเทศร่วมกับรัฐบาล และหวังให้รัฐบาลนำไปพิจารณาด้วย
สำหรับร่างพิมพ์เขียวประเทศไทยที่พรรคประชาธิปัตย์จัดทำ จะเป็นการเปิดมติใหม่ของกระบวนการจัดทำนโยบายสาธารณะของประเทศไทย ที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม จากเดิมที่รัฐเป็นผู้กำหนดนโยบายและให้ส่วนราชการไปปฏิบัติ แต่นโยบายนี้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยเปิดให้โหวตแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ www.Thailandblueprint.org.com
รายละเอียดเพิ่มเติม:http://www.thailandblueprint.org/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:“สุรินทร์” นั่งประธาน ส.ออกแบบอนาคตไทย เตรียมร่างพิมพ์เขียวประเทศ