"โพลล์กับความจริง" เบื้องหลังชัยชนะ "สุขุมพันธุ์" ในทัศนะ ผอ.นิด้าโพลล์

(ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.นิด้าโพลล์)
ดังเป็นพลุแตกชั่วข้ามคืนวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับ “นิด้าโพลล์” เพราะเป็นเพียงโพลล์เดียว ที่ให้ข้อมูลว่า “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” จะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม.เหนือ “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ”
ตัว “ดร.สุวิชา เป้าอารีย์” ในฐานะ "ผอ.นิด้าโพลล์" ก็กลายเป็นดาวดวงใหม่ ถูกสื่อหลากแขนงตามตัวออกรายการ หรือบุกมาสัมภาษณ์ไม่เว้นวัน
ดร.สุวิชาเล่าว่า ช่วงบ่ายวันที่ 3 มี.ค. ตัวเขาไปร่วมจัดรายการอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมสปริงนิวส์ เมื่อถึงเวลาบ่าย 3 โมง ที่เป็นเวลาปิดหีบ ใจเขาขอแค่ว่า “ผลโพลล์” ของนิด้าโพลล์ ออกมาคลาดเคลื่อนจาก “ผลจริง” ไม่มากก็พอใจแล้ว เพราะคาดการณ์ว่าโพลล์อื่นๆ จะออกมาใกล้เคียงกัน
....นั่นคือ “เบอร์ 16” ชนะ “เบอร์ 9” ต่างกันแค่ “ชนะมาก” หรือ “ชนะน้อย” แค่นั้น
ทว่า ท้ายสุด ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น คือ “นิด้าโพลล์” เป็นเพียง 1 เดียวที่ทายว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะชนะ และก็เป็น 1 เดียว ที่ทำนายถูกต้อง !!
หลังคืนวันนั้นไม่นาน “สำนักข่าวอิศรา” www.isranews.org ได้ไปนั่งคุยกับ “นักทำโพลล์” รายนี้ ถึงสิ่งที่น่าสนใจ นอกเหนือจากระเบียบวิธีวิจัยซึ่งที่นี่แตกต่างจากที่อื่น คือใช้วิธีการเก็บข้อมูลผ่านมือถือ จากฐานข้อมูลกว่า 1.2 แสนตัวอย่างที่มีอยู่ ไม่ใช่ให้คนไปลงพื้นที่ สอบถามกันชนิดตัวต่อตัว
แม้เวลาผ่านมาสัปดาห์เศษ แต่หลายๆ ข้อมูลยังน่าสนใจ
โดยนักวิชาการหนุ่ม ได้วิเคราะห์สาเหตุที่ “ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” เอาชนะ “ตัวแทนพรรคเพื่อไทย (พท.)” ในศึกล้านชนล้าน (แต้ม) ครั้งนี้สำเร็จ โดยดูจากผลโพลล์ที่นิด้าโพลล์เก็บมาตั้งแต่โค้งแรกยันโค้งสุดท้าย ประกอบกับสถานการณ์ข่าวสารบ้านเมืองเท่าที่ได้ติดตาม
ผศ.สุวิชา ชี้ชวนให้ดูกราฟ พร้อมกล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้เพิ่มมาจากส่วนที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งมีกว่า 30% สุดท้ายคะแนนส่วนนี้มาเลือกเบอร์ 16 เป็นจำนวนมาก
“ส่วนใหญ่คนที่บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ มีเบอร์อยู่แล้วในใจทั้งนั้น แต่ด้วยเหตุผล หนึ่งไม่อยากบอก สองไม่มั่นใจขอวินาทีสุดท้ายก่อน เผื่อเปลี่ยนใจ ผลพลิกเพราะคนที่ยังไม่ตัดสินใจเค้าตัดสินใจ ซึ่งถ้าเค้าบอกตั้งแต่ต้น ผลโพลล์ก็อาจจะเป็นอีกแบบก็ได้”
(ผลโพลล์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ช่วงโค้งต่างๆ ของนิด้าโพลล์)
ถามว่า คะแนนที่ผู้สมัครทั้ง 2 คนได้รับล้านๆ กว่า มาจาก “ความนิยมส่วนตัว” หรือ “ความนิยมของพรรค” เป็นหลัก
เขากล่าวว่า ชัยชนะของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์มาจาก ปชป. ในขณะที่คะแนนของ พล.ต.อ.พงศพัศ มาจากตัวผู้สมัครเอง
“ไม่ทราบว่าหม่อมรู้ตัวหรือไม่ แต่หม่อมเหมือนสินค้าเก่าที่คนไม่อยากเอา แต่เผอิญยี่ห้อดี แบรนด์แข็ง คนก็เลยตัดสินใจซื้อไว้สักหน่อย สินค้าอาจจะเก่าแต่แบรนด์ดี จึงเป็นจุดหนึ่งของชัยชนะ เชื่อว่าคะแนนของหม่อมหนึ่งล้าน ครึ่งหนึ่งเป็นของ ปชป. ซึ่งต่างจากคุณพงศพัศที่แบรนด์ พท.ในกรุงเทพไม่แข็ง แต่ตัวคุณพงศพัศเองสดใหม่ เลือกตั้งครั้งนี้คุณพงศพัศได้คะแนนส่วนตัวเยอะ”
เขายกสถิติเก่าๆ ให้ดูพร้อมอธิบายว่า ดูจากค่าเฉลี่ยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. 3 ครั้งที่ผ่านมา ฐาน ปชป.อยู่ที่ประมาณ 40% ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในขณะที่ พท.ฐานอยู่ที่ประมาณ 26% ส่วนผู้สมัครอิสระรายอื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 29%
“แต่เลือกตั้งครั้งนี้ หม่อมได้ที่ 46% คุณพงศพัศได้ 39% หมายความว่าหม่อมสามารถแย่งคะแนนของผู้สมัครอิสระได้ราว 5% แต่คุณพงศพัศแย่งได้ไปถึงร้อยละ 13% คำถามคือส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นคะแนนจากคุณพงศพัศ หรือตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ พท. ส่วนตัวผมเชื่อว่าเป็นคะแนนจากคุณพงศพัศเองที่สามารถเรียกแม่ยกได้ ดูจากการเดินตลาด แกเป็นมนุษย์พีอาร์โดยตรงเลย”
ถามว่ายุทธศาสตร์ “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” ที่ ปชป.ใช้ในช่วงโค้งสุดท้าย มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนของคนกรุงมากน้อยแค่ไหน
ดร.สุวิชา กล่าวว่า ได้ผลแน่นอน เมื่อบวกกับคำว่าผูกขาดประเทศ และคุณจตุพร พรหมพันธุ์จะมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งนายกฯ หรือแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่ออกมาปฏิเสธ ซึ่งในทางการเมือง การไม่ปฏิเสธ เท่ากับใช่ เท่านั้นแหล่ะ คนที่ไม่ชอบคุณจตุพรก็เฮโลมาลงคะแนนให้กับ ปชป. ทั้งคนที่ยังไม่ตัดสินใจ คือคนที่เคยคิดว่าจะเลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช คุณสุหฤท สยามวาลา คุณโฆษิต สุวินิจจิต ฯลฯ ก็ไปเทให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพราะกลัวคุณจตุพรจะได้เป็นรองผู้ว่าฯกทม.
“อีกสาเหตุน่าจะมาจากการที่คุณชวน หลีกภัย มาช่วยหาเสียงด้วย ทำให้ ส.ก.และ ส.ข.ของ ปชป.ต้องระดมกำลังกันเต็มที่ เพราะเห็นแล้วว่า กทม.เป็นฐานะที่มั่นสุดท้าย หากแพ้ไปก็จะกระทบกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศครั้งหน้าด้วย คนไม่ชอบหม่อมเป็นอีกเรื่อง แต่ ปชป.จะแพ้ไม่ได้”
เราถามว่า คิดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชนะเลือกตั้งเพราะ “ความกลัว” อย่างที่หลายคนวิเคราะห์จริงหรือ?
ด๊อกเตอร์หนุ่ม กล่าวว่า ต้องถามว่ากลัวอะไร ถ้ากลัวคุณจตุพรจะได้เป็นรองผู้ว่าฯ ก็ใช่ กลัวคนเสื้อแดงว่าจะมายึด กทม.ก้ใช่ หรือกลัว พท.กินรวบประเทศ ก็คงจะใช่
“ผมอยากเรียกร้องไปยังนักการเมือง ให้ใช้ผลโพลล์ให้เป็นประโยชน์ เช่นถ้าโพลล์บอกว่าคุณนำ คุณมีหน้าที่ปรับยุทธศาสตร์ให้นำมากยิ่งขึ้น ถ้าผลโพลล์บอกว่าคุณตาม คุณก็ต้องปรับยุทธศาสตร์ให้คุณแซงให้ได้ ใช้ผลโพลล์ให้เป็นประโยชน์ แต่อย่าไปใช้สำนักโพลล์” ผอ.นิด้าโพลล์กล่าวทิ้งท้าย.
