ผู้สมัครผู้ว่ากทม.ดีเบตหนุนหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก ขรก.ระดับสูงไม่โกง
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นไทย ร่วม กกร.จัดประชันวิสัยทัศน์ 5 ผู้สมัครผู้ว่าฯ โชว์แนวคิดสร้างกทม.โปร่งใส ย้ำผู้นำต้องตรวจสอบได้ เป็นแบบอย่างที่ดี หนุนสานต่อโตไปไม่โกง
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ร่วมกับ คณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ เรื่อง "กรุงเทพโปร่งใส ไร้คอร์รัปชั่น" ณ ห้องดุสิตธานี ฮอลล์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยมี ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 4 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 ดร.โฆษิต สุวินิจจิต ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 10 พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 16 ร่วมแสดงวิสัยทัศน์
ดร.โสภณ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น จะต้องเริ่มต้นที่การตรวจสอบที่ดี และมีความโปร่งใส ถ้าหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก ข้าราชการตำแหน่งสูงๆ ต้องไม่โกง เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่ข้าราชการผู้น้อย หากมีระบบป้องกันที่ดี คอร์รัปชั่นจะไม่เกิด แต่หากเกิดขึ้นแล้วจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และให้ประชาชนร่วมรับทราบ ตรวจสอบและช่วยอุดรูรั่ว
ในส่วนการปลูกฝัง ดร.โสภณ กล่าวว่าต้องสร้างหลักสูตรที่ดีให้นักเรียนและนักศึกษาทุกระดับ ให้จบมารับใช้ประชาชน และป้องกันการคอร์รัปชั่นโดยมีการถ่ายทอดสดการทำงานของผู้ว่าฯ กวดขันการโยกย้ายต้องเป็นธรรม ตามความเหมาะสม และขจัดประเพณีตบเท้าอวยพร เข้าแถวต้อนรับต่างๆ ให้หมดสิ้น
ขณะที่พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า กระบวนกาตรวจสอบเป็นกระบวนการสำคัญในการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เริ่มที่ตัวผู้ว่าฯ ต้องสามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย มีกระบวนการภาคประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบได้โดยตรงในทุกการบริหารจัดการ ส่วนผู้บริหารก็ตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด สร้างกลไกที่จะนำเงินงบประมาณไปบริหารอย่างถึงประชาชนทุกบาททุกสตางค์
"แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นต้องเริ่มที่การปลูกฝังเด็กๆ ผ่านหลักสูตรการศึกษา ป้องกันในกระบวนการบริหารจัดการต่างๆ ต้องโปร่งใส กระจายอำนาจและงบประมาณให้ชุมชน มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและมีช่องทางในการแข้งข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง ในแต่ละโครงการจะต้องระบุผู้รับผิดชอบและกรอบเวลาดำเนินการชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน"
ด้านดร.โฆษิต กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชั่น เป็นจุดเริ่มที่ทำตนให้มาสมัครผู้ว่าฯ ด้วยเพราะมองว่าสังคมไทยเป็นสังคมตอแหล ไม่กล้าพูดความจริงว่าเงินเดือนข้าราชการน้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นรากฐานของปัญหาทุจริต ภาคธุรกิจรู้ดี เพราะต้องจ่ายมาตลอด ฉะนั้น ปัญหาอยู่ที่ตัวระบบและบุคคล ต้องเปลี่ยนการบริหารงานให้เป็นแบบเอกชน ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ดูแลอย่างมีคุณธรรม ถ้าผลงานำไม่เข้าเป้าจะลาออกเอง นี่คือรูปแบบของนักบริหาร
"ทางออกของประเทศไทยอยู่ที่กรุงเทพฯ จะปรองดองหรือแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้ก็ต้องเริ่มที่กรุงเทพฯ ที่จะเป็นแบบอย่าง และนักบริหารเท่านั้นที่จะประสาน 10 ทิศ คือทุกฝ่ายเพื่อทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง"
ขณะที่ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรุงเทพฯ ถูกตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มากที่สุด จึงมีกระบวนการกลั่นกรองที่โปร่งใสอยู่แล้ว การสร้างระบบบริหารงานให้โปร่งใสเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การวางตัวของผู้ว่าฯ ก็สำคัญและจะเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะถ้าหัวไม่ส่าย หางก็กระดิกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การทุจริตรายบุคคลเป็นสิ่งที่ห้ามและลงโทษยากที่สุด เนื่องจากมีข้อติดขัดในระบบราชการ จึงต้องพยายามปิดการช่องทางที่จะทุจริต เช่น การยกร่างทีโออาร์ในโครงการต่างๆ และการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ และดำเนินควบคู่ไปกับการปลูกฝังเด็กๆ โดยหลักสูตรโตไปไม่โกง อีกทั้ง จะเสนอให้ผู้ว่าฯ ต้องชี้แจงนโยบายภายใน 14 วัน ต่อสภากทม.และหากทำไม่ได้มีโอกาสถูกเสนอชื่อถอดถอน
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม.ต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ ตลอดชีวิตการทำงานตนเน้นและปราบปรามคดีเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นมากที่สุด จึงมั่นใจว่าจะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้ หากเบื่อพรรค และเบื่อคอร์รัปชั่น ตนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะสามารถยุติศึกพรรคการเมืองได้
ขอบคุณภาพประกอบจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย)