‘พีมูฟ’ทวงสัญญา รบ.ตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน”-เร่งออกมติ ครม.คุ้มครองพื้นที่โฉนดชุมชน
เครือข่ายชาวบ้าน ประชุมร่วม รบ. ทวงสัญญาตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน ‘ หลังดองกว่า 2 ปี ‘ ดัน ครม.เร่งออกมติคุ้มครองพื้นที่พิพาทโฉนดชุมชนรัฐ-ชาวบ้าน-นายทุน
วันที่ 22 ก.พ. 56 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) โดยมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ
มีวาระการพิจารณาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน พ.ศ. 2553 และโครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่ 5 ชุมชนภาคเหนือ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งรัดแต่งตั้งคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เพื่อให้สามารถจัดซื้อที่ดินให้แก่เกษตรกรรายย่อยไร้ที่ทำกิน ในกรอบงบประมาณ 167 ล้านบาทตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)22 ก.พ.54 และ 8 มี.ค.54 ได้ โดย ขปส.ได้เสนอรายชื่อภาคประชาชน 2 คนร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินโครงการนำร่องฯ ทั้งนี้ให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ดำเนินการโครงการนำร่องธนาคารที่ดินแทนชั่วคราวจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเรียบร้อย
ที่ประชุมยังพิจารณาการดำเนินโครงการโฉนดชุมชน โดยมีมติให้แยกสำนักงานโฉนดชุมชนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีออกมาจัดตั้งเป็นหน่วยงานอิสระ โดยเห็นชอบให้สำนักงานฯ เร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ส่งมอบที่ดินเพื่อจัดทำเป็นโฉนดชุมชนโดยเร็ว และระหว่างที่การดำเนินการออกโฉนดในหลายพื้นที่ยังไม่แล้วเสร็จให้นำเสนอครม.เพื่อให้มีมติคุ้มครองประชาชนซึ่งทำประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเรื่องโฉนดชุมชนด้วย
สำหรับปัญหาเรื่องที่ดิน ขปส.เสนอให้ที่ประชุมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการศึกษารวบรวมข้อมูลที่ดินที่หมดสัญญาเช่า เนื่องจากพบว่ามีพื้นที่ป่าสงวนกว่า 1 แสนไร่ที่อนุญาตให้เอกชนเข้าทำประโยชน์หมดสัญญาเช่าแล้ว แต่เอกชนหลายรายยังคงทำกิจกรรมบนพื้นที่ต่อ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้มอบภาระงานดังกล่าวแก่ให้คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ และที่ป่าไม้อื่นๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับเรื่องดังกล่าวไปดูแลเพิ่มเติมด้วย พร้อมกันนี้มีมติตั้งนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติฯเพิ่ม รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนตัวแทนภาคประชาชนในคณะอนุกรรรมการดังกล่าวด้วย
นายไมตรี จงไกรจักร ตัวแทน ขปส.เปิดเผยภายหลังการประชุมถึงความคืบหน้าการดำเนินการโฉนดชุมชนว่า บางพื้นที่แม้จะได้รับการอนุมัติเห็นชอบให้จัดเป็นโฉนดชุมชนแล้ว แต่ชาวบ้านยังถูกไล่จับ ดำเนินคดี ฟ้องร้อง และไม่ได้รับการบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ประปา โดยเคยเสนอต่อคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน(คณะกรรมการโฉนดชุมชน)ให้สำนักงานโฉนดชุมชนเสนอครม.ให้มีมติคุ้มครองพื้นที่ชุมชนทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการออกโฉนดชุมชุนแล้ว แต่สำนักงานฯก็ยังไม่ได้ดำเนินการ จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอในวันนี้อีกครั้ง ทั้งนี้เห็นว่าการตั้งสำนักงานโฉนดชุมชนให้เป็น หน่วยงานราชการแยกออกมาต่างหากจะสามารถแก้ปัญหาการส่งมอบพื้นที่ที่ล่าช้าได้ของหน่วยงานราชการเจ้าของพื้นที่ซึ่งมักอ้างอุปสรรคข้อกฎหมายและระเบียบราชการได้
“หากตั้งสำนักงานโฉนดชุมชนเป็นหน่วยงานราชการซึ่งสามารถขอใช้พื้นที่ของรัฐทุกประเภทได้ ผมคิดว่าพื้นที่ที่ถูกจัดให้เป็นโฉนดชุมนทั้ง 58 แห่งก็จะได้รับโฉนดตามที่ชุมชนร้องขอได้โดยเร็ว”
นายไมตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องธนาคารที่ดินว่าแม้จะมี พ.ร.ฎ.จัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินตั้งแต่ปี 2553 แต่ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถสรรหาคณะกรรมการสถาบันฯนั้น เข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมืองในช่วงผลัดเปลี่ยนรัฐบาล ทั้งนี้ ขปส.ต้องการให้คณะอนุกรรรมการฯเลือกสรรคณะกรรมการสถาบันฯที่เข้าใจเจตนารมณ์ของการจัดตั้งธนาคารที่ดินอย่างแท้จริง ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขปส. 2 ครั้งในปีที่ผ่านมาประสบความล้มเหลว โดยไม่มีผลการดำเนินงานใดที่เป็นรูปธรรม โดยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะประสบผลตามข้อเรียกร้องของขปส.มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปัจจุบันมีพื้นที่ซึ่งได้รับโฉนดชุมชนอย่างเป็นทางการ 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์บ้านคลองโยง จ.นครปฐม และชุมชนแม่อาว จ.ลำพูน จากทั้งหมด 58 แห่ง ซึ่งคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนอนุมัติจัดเป็นโฉนดชุมชนแล้วและรอการดำเนินการในทางปฏิบัติ .