‘หม่อมอุ๋ย’ หนุนรัฐทุ่มเงินพัฒนาระบบขนส่ง เชื่อไทยผงาดศูนย์กลางการค้าอาเซียน
อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ เชื่อประชาคมอาเซียนเป็นโอกาส ไม่ใช่วิกฤต โชว์เอกชนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอรัฐบาลทำต้นทุนขนส่งในระยะยาวถูก พัฒนาเส้นทางขนส่งถนน ระบบราง เร่งปรับกฎระเบียบทางการค้าให้คล่องตัว
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมวิชาการประจำปีสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และการศึกษาศาสตร์ ประจำปี 2556 ในหัวข้อ “เอเชียรุ่งโรจน์:วิกฤติหรือโอกาสสำหรับไทย ? มุมมองจากนักบริหาร” ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ ตอนหนึ่งว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นตลาดการส่งออกหลักของไทยในเวลานี้ หลังจากตลาดในยุโรปและอเมริกาเริ่มอิ่มตัว และเป็นภูมิภาคที่กำลังมีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกอย่างสูงในขณะนี้ ซึ่งภาคเอกชนที่เป็นผู้มีบทบาทหลักในการดำเนินเศรษฐกิจไทยกว่า 75-80% กำลังปรับตัวหาตลาดใหม่และพบว่า เอเชียตะวันออก คือคำตอบ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ยอดการส่งออกของไทยเติบโตมากในปัจจุบันคือ ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) จากเอเชียตะวันออก เนื่องจากต่างชาติมาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เช่น ญี่ปุ่นมาทำอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ จนประเทศไทยได้ชื่อว่า ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เก่งที่สุดในเอเชีย เพราะญี่ปุ่นต้องการให้ไทยเป็นฐานการผลิตของเอเชีย ทำให้เศรษฐกิจของเอเชียเติบโตไปด้วยกัน และปัจจุบันสินค้าจากห่วงโซ่อุปทานของเอเชียไปตีตลาดโลกมากที่สุด
อดีตผู้ว่าการ ธปท. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไทยกลายเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก เห็นได้จากปรากฎการณ์ที่สำคัญคือ ไทยกำลังเพิ่มกิจกรรมทางการค้าระหว่างประเทศ โดยการขยายไปผลิตในต่างประเทศ ทั้งเพื่อขายในประเทศนั้น ๆ และส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ เช่น ธุรกิจอาหารทะเลของ บมจ.ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ็น โปรดักส์ ธุรกิจพลังงานของ บมจ.บ้านปู และ บมจ.ปตท. บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย หรือกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เป็นต้น
“ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 จะเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในด้านสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าไทยผลิตได้ดีและมีคุณภาพมากที่สุด ไทยจึงควรปรับตัวเองให้เป็นประเทศเป็นผู้ค้า (trading nation) อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อป้อนสินค้าสู่เครือข่ายตลาดการค้า ขยายการค้าใน AEC และประเทศรอบด้านโดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ จากการมีที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางอาเซียน ส่วนการเตรียมการเพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็น trading nation ได้แก่ การเตรียมเส้นทางขนส่ง ทั้งรถไฟ ถนน การปรับระเบียบทางการค้าให้คล่องตัวที่สุด ส่งเสริมและขยายการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังส่งเสริมไม่พอ”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงภูมิศาสตร์ของประเทศไทยได้เปรียบเพราะอยู่ตรงกลางของภูมิภาคอาเซียน พร้อมที่สุดที่จะเป็นผู้เล่นทางการค้าของโลกในสินค้าหลายตัว เช่น อัญมณี อาหารทะเล น้ำตาล ยางพารา
“ลองนึกภาพ ขณะนี้ถนนกำลังมาแล้ว ถนนสายตะวันออก-ตะวันตกจากเวียดนามผ่านไทยไปพม่ามีแล้ว กับถ้ามีเส้นจากจีนลงมาผ่านลาว ไทยไปทางภาคใต้ของไทย ซึ่งสองเส้นนี้คงจะตัดกันที่ไหนสักแห่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของอาเซียน ทั้งไทยยังมีระบบเงินโอนที่ดีที่สุดในอาเซียนด้วย” อดีตผู้ว่าการ ธปท. กล่าว และว่า ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของอาเซียนได้อย่างแน่นอนถ้าวางเส้นทางการคมนาคมขนส่งสินค้าให้ดี ซึ่งต้องอาศัยนโยบายและการผลักดันของรัฐเรื่องนี้ และไทยจะเป็นผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภคได้มากที่สุดในอาเซียน
ทั้งนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า ประชาคมอาเซียนเป็นโอกาส ไม่ใช่วิกฤตเลย ซึ่งเอกชนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว และตอนนี้ต้องการให้รัฐบาลหนุนเรื่องเส้นทางขนส่งจากจีนผ่านลาวลงไปทางใต้ของไทย กับเส้นทางขนส่งจากตะวันออกไปตะวันตกให้ถึงพม่าและทวาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ถนน แต่ต้องการรถไฟด้วยเพราะต้นทุนการขนส่งในระยะยาวถูกกว่า