อดีตอธิการฯ ม.เทคโนฯ ใช้ตำแหน่งกู้เงิน 260 ล.จ่ายค่าหอพักเอกชน ทั้งที่ถูกพักราชการ
ปมสร้างหอพัก ม.เทคโนราชมงคลตะวันออก บานปลาย มหาวิทยาลัย ยื่นฟ้องแพ่ง อดีตอธิการบดี ซ้ำรอย ป.ป.ช. กรณีใช้ตำแหน่งกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย 260 ล้านบาท มาซื้อหอพักคืนจากเอกชน ทั้งที่ ถูกสั่งพักราชการ
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ระหว่างการ ไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานกรณีการกล่าวหา รองศาสตราจารย์ไพบูลย์ มากจันทร์ อดีตอธิการบดี กับพวกรวม 8 คน ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาผลคัดเลือกผู้ลงทุนจัดสร้างหอพักสวัสดิการนักศึกษา พิจารณาราคาค่าวัสดุก่อสร้างสูงกว่าความเป็นจริง เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เสนอราคา ทำให้งานก่อสร้างมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง 46,560,833.70 บาท นั้น
แหล่งข่าวจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ปัจจุบันหอพักดังกล่าว ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้นักศึกษาเข้าไปใช้บริการแล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือมหาวิทยาลัย ต้องแบกภาระเงินกู้ จำนวน 260 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการ รองศาสตราจารย์ไพบูลย์ ได้ใช้ตำแหน่งอธิการบดี ไปลงนามกู้เงินดังกล่าว ทั้งที่ อยู่ระหว่างถูกสั่งพักราชการ
“โครงการนี้ เดิมใช้วิธีการให้เอกชนมาลงทุนก่อสร้างให้ และค่อยเก็บรายได้คืน แต่หลังจากก่อสร้างเสร็จ รองศาสตราจารย์ไพบูลย์ ซึ่งในขณะนั้น ถูกสั่งพักราชการอยู่ ได้ใช้ตำแหน่งอธิการบดีไปลงนามในสัญญากู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำนวน 260 ล้านบาท เพื่อไปซื้อหอพักคืนมาจากเอกชน ทำให้มหาวิทยาลัยต้องตกเป็นหนี้เงินกู้กับทางธนาคารกรุงไทยไปโดยปริยาย” แหล่งข่าวระบุ
ศ.ดร.สิน พันธุ์พินิจ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขณะนี้ทาง มหาวิทยาลัย อยู่ระหว่างฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับ รองศาสตราจารย์ไพบูลย์ จากการไปกู้เงินจำนวน 260 ล้านบาท มาจากธนาคารกรุงไทย เพื่อนำมาซื้อหอพักจากเอกชน ทั้งที่ อยู่ระหว่างถูกสั่งพักราชการ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนการชำระเงินกู้ จำนวน 260 ล้านบาท คืนให้กับธนาคารกรุงไทย นั้น ศ.ดร.สิน กล่าวว่า ขณะนี้ มหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างสู้คดีในชั้นศาลกับทางธนาคารกรุงไทย เพราะเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ตามหลักกฎหมาย ที่กำหนดไว้ว่า หน่วยงานราชการไม่สามารถกู้เงินโดยตรงจากสถาบันการเงินได้โดยตรง
“ เงินกู้ยืมจำนวน 260 ล้านบาท เป็นการกู้เงินเต็มจำนวน ไม่ได้มีการหักค่าเสื่อม และค่าอื่นๆ ไว้ เพราะถ้าคำนวณกันจริงๆ วงเงินที่ใช้ในการก่อสร้าง มีจำนวนแค่ 100 กว่าล้านบาทเท่านั้น ทำไมกรุงไทยซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐ ถึงไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนปล่อยเงินกู้ดังกล่าว”
อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในการสู้ที่ศาลชั้นต้น ผลออกมา คือ มหาวิทยาลัย แพ้คดี เนื่องจากนิติกรของมหาวิทยาลัย ไม่นำข้อกฎหมายเรื่องการที่หน่วยงานราชการไม่สามารถกู้เงินโดยตรงจากสถาบันการเงินได้ ไปแสดงต่อศาล ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม แต่ตนได้สั่งให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนไปแล้ว และคงจะมีการยื่นอุทธรณ์คดีใหม่ในเร็วๆ นี้
“ ขณะนี้ มหาวิทยาลัย เก็บรายได้จากค่าเช่าหอ ได้ปีละ 5-6 ล้านบาท ถือเป็นเงินจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบกับวงเงินกู้จำนวน 260 ล้านบาท ที่กู้มาใช้ และถ้าแพ้คดีก็อาจจะต้องเสียดอกเบี้ยอีกยังไม่รู้อีกเท่าไร ไม่รู้กี่ปีจะใช้เงินกู้หมด แต่ผมยืนยันว่า เราทำงานเต็มที่ และจะพยายามหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยให้ดีที่สุด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ รองศาสตราจารย์ไพบูลย์ ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงแต่ไม่สามารถติดต่อได้
-------------
อ่านประกอบ
ป.ป.ช. สอบ อดีตผู้บริหาร ม.ดัง ภาคตะวันออก ปมเอื้อประโยชน์สร้างหอพัก 46 ล้าน