‘อานันท์ ปันยารชุน’ ชี้สังคมไทยปลอดภูมิคุ้มกันโกง-เตือน'ยิ่งลักษณ์'จำนำข้าวพา ปท.พัง
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 80 ปี แสดงปาฐกถาพิเศษ ‘การต่อต้านคอร์รัปชั่น’ ในพิธีมอบรางวัล SVN Awards ปี 2555 เพื่อเชิดชูองค์กรที่ดำเนินกิจการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
คอร์รัปชั่นในสังคมไทย ทำภาษีประชาชนรั่วไหลปีละกว่า 3 แสนล้านบาท
คุณวีระเดช สมบูรณ์เวชชการ ท่านประธานมูลนิธิเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้ให้กำเนิดเครือข่าย SVN ในเมืองไทย คุณปรีดา (เตียสุวรรณ์) ประธานมูลนิธิ SVN รุ่นแรก ท่านกรรมการของ SVN ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมเสียดายที่อายุน่าจะอ่อนกว่านี้สัก 30 ปี อาจมีอารมณ์พูดมากกว่านี้ (ยิ้ม) ถึงวันนี้ผมมีความสุขปลาบปลื้มที่เห็นองค์กรนี้เติบโตมาอย่างไม่ใช่ดีแต่พูด
เรื่องต่อต้านคอรัปชั่นนี่ผมได้ยินคนไทยบ่นมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ค่อยทำอะไร เป็นการคุยกันสนุกๆในกลุ่มเล็กๆ ไม่กล้าเปิดโปงต่อสาธารณชน แต่ 15 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลง 2 -3 อย่าง หลายอย่างเรามองไปในทางลบข แต่สิ่งที่เป็นเรื่องบวกก็มีมาก เพราะคนไทยกล้าพูดมากขึ้น กล้าวิจารณ์นโยบายรัฐบาล นโยบายกทม. กล้าเปิดโปงมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากขึ้นที่ยอมเป็นทาสของเงิน
เรื่องต่อต้านคอรัปชั่นถือเป็นเรื่องที่มีการตื่นตัวเป็นพิเศษ ผมดีใจที่คนจากองค์กรต่างๆได้รางวัลภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาคเยาวชน และรางวัลเชิดชูเกียรติ ทำให้รู้สึกว่าสังคมไทยนี้น่าอยู่ขึ้น ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยท้อถอยในเรื่องอนาคตของคนไทย เพราะว่ายิ่งพบกับคนรุ่นเด็กมากขึ้นความหวังก็ยังมีอีกมาก ผู้ใหญ่ที่สันดานไม่ดีแล้วคงแก้ไม่ได้ แต่การปลูกฝังรุ่นเด็กให้ต่อต้านคอร์รัปชั่น เราต้องมีความมั่นใจว่าชี้ทางไปที่ถูก ไม่ใช่จูงเขาตลอดเวลา ให้เขาเดินไปสู่เป้าหมายด้วยตนเอง วันนี้ผมดูละครเรื่อง ’เหนือเมฆ’ ของกลุ่มมะข้ามป้อม (ละครเวที) ผมไม่เคยดูคณะนี้มาก่อน แต่รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจในข้อคิด การนำเสนอ และออกแบบรูปแบบของละครที่อยู่บนพื้นฐานความจริง ขณะเดียวกันให้ความรุ่มร้อนและความรู้สึกที่ดี ทำให้ผมหนึ่งถึงเรื่องโจ๊กฝรั่งเรื่องหนึ่ง...
มีคนแก่อยู่ 3 คน เป็นคนอเมริกัน คนรัสเซียและคนไทย เดินไปหาก๊อด (God-พระเจ้า) คนอเมริกันก็ไปถามก๊อดว่าเมื่อไหร่ที่อเมริกาจะพ้นจากภาวะความโทรมเสื่อมทางเศรษฐกิจ ก๊อดตอบว่าต้องคอยอีก 100 ปี คนอเมริกันก็ร้องไห้ บอกว่าสงสัยผมคงมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้เห็นวันนั้นแน่ ถัดมาคนรัสเซียก็ถามว่าเมื่อไหร่รัสเซียจะเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งเสียที ก๊อดบอกอีก 50 ปี คนรัสเซียก็ร้องไห้ บอกว่าแบบนี้ผมอยู่ไม่ทันเห็นแน่ คนไทยก็ถามว่าเมื่อไหร่เมืองไทยจะหมดคอร์รัปชั่นสักที ก๊อดก็ร้องไห้.....ก๊อดตอบสงสัยผมก็คงอยู่ไม่ทันเห็นเหมือนกัน(หัวเราะ) นี่เป็นจุดเริ่มต้นนะ ยังไม่รู้ว่าพอพูดไปแล้วจุดจบจะอยู่ที่ไหน
ผมนี่ความจำไม่ค่อยดีนะครับ แต่รู้สึกว่าในระยะเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ข่าวคอร์รัปชั่นในเมืองไทยนี่มันได้รับการตีพิมพ์ผ่านสื่อภาษาอังกฤษและภาษาไทยค่อนข้างมาก เขาใช้คำว่าคอร์รัปชั่นในเมืองไทยจะเข้มแข็งยิ่งขึ้นในปี 2013 คงเข้มข้นด้วย คุณเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่าคอรัปชั่นปีนี้จะหนักกว่าปีที่แล้ว 30-35% ของรายจ่ายรัฐบาลเล็ดลอดไปในเรื่องคอรัปชั่นหมด คิดแล้ว 330,000 ล้านบาทต่อปี องค์กรที่ดูแลด้านคอรัปชั่นก็บอกว่าใน 176 ประเทศ ไทยอยู่อันดับ 88 ของคอรัปชั่น....ปีละ 330,000 ล้านบาทอาจน้อยกว่าโครงการจำนำข้าวหน่อย(ยิ้ม)
ห่วง “โครงการจำนำข้าว” ทำประเทศเจ๊ง เพราะรัฐซื้อแพง-ส่งออกราคาต่ำ ทำคุณภาพเสื่อม
เมื่อคืนวันก่อนผมไปงานรับเสด็จ แล้วก็ได้นั่งโต๊ะติดกับท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็เป็นคนน่ารัก เลยถือโอกาสคุยกับคุณยิ่งลักษณ์ว่าเป็นเป็นห่วงเรื่องโครงการ... ผมไม่เรียกว่าจำนำข้าวนะ เพราะ ไม่ใช่จำนำครับ ซื้อของที่แพงกว่านำมาขายในราคาที่ต่ำกว่า ต้องเรียกว่าเป็นโครงการสนับสนุนราคา คนก็ออกมาพูดกันมากมาย เช่น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อาจารย์โน่นอาจารย์นี่ ผู้แทนเวิร์ลแบงค์ ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ทูตหลายคนเขาก็ไม่เข้าใจนโยบายนี้ว่าคิดได้ยังไง ผมเรียนท่านนายกฯไปอย่างนั้น แล้วบอกว่าผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงเรื่องเงินรั่วไหล เรื่องของคอรัปชั่นในโรงสี เอาข้าวประเทศอื่นมาขาย หลายคนก็เป็นห่วงเรื่องการสร้างหนี้สาธารณะซึ่งปัจจุบันเป็นสัดส่วน 40% ของจีดีพี และเป็นห่วงว่าใน 3-4 ปีข้างหน้าอาจขึ้นเป็น 60-70% ซึ่งจะทำให้สถานะเศรษฐกิจตกต่ำ
แต่เรื่องที่ผมเป็นห่วงและสังคมไทยยังไม่ค่อยพูดกันคือเมื่อประมาณ 50 กว่าปี หลังจากที่มีรัฐประหารในพม่า ตอนนั้นพม่าส่งข้าวออกมากที่สุดในโลกปีละ 13 ล้านตัน ตั้งแต่คณะทหารเข้ามาปกครอง 50 ปีก่อน นำนโยบายสังคมนิยมมาใช้ เขาก็โอนกิจการส่งออกข้าวมาให้รัฐทำ ตั้งแต่นั้นพม่าก็อดอยาก นอกจากไม่มีข้าวขายข้างนอกแล้ว ในประเทศก็ขาดแคลน ผมเรียนท่านนายกฯว่าผมเป็นห่วงเรื่องนี้มาก เมื่อธุรกิจการส่งออกข้าวที่ไปรับจำนำมามีรัฐเป็นผู้ส่งออก แน่นอนราคามันต้องต่ำ แม้ว่าเราจะส่งออกข้าวได้ปีละ 7–12 ล้านตันเป็นอย่างมาก แต่จีนและอินเดียเขาผลิตข้าวได้เป็นหลักร้อยล้านตัน แล้วเราจะไปคุมราคาโลกได้อย่างไร นอกจากนี้คุณภาพข้าวไทยก็จะเสื่อมลงไปเรื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่ารัฐบาลต้องให้ความสนใจ
คุณยิ่งลักษณ์บอกว่าขอไปศึกษาก่อน และคงจะไปประสานงานกับการศึกษาและจะทำทุกอย่างให้เป็นแบบบูรณาการต่อไป (ยิ้ม) ผมฟังผมก็สบายใจ มีความหวังมากขึ้น
หวังเห็นเมืองไทยปลอดคอร์รัปชั่น–กระตุ้นคนกทม.ออกไปใช้สิทธิ์กันคนโกง
สิ่งที่ผมมีความหวังมากคือ องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรฯ) เข้าไปหารือกับคุณชัชชาติ (สิทธิพันธุ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เขาคงดีใจมากที่ไปหารือกับเขา แล้วก็ตอบสนองได้ดี(กระทรวงคมนาคมได้หารือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นเพื่อหาแนวทางป้องกันคอร์รัปชั่น เนื่องจากเป็นกระทรวงที่มีการใช้งบประมาณสูงทั้งในโครงการขนาดใหญ่และโครงการขนาดเล็ก โดยเตรียมผลักดันการต่อต้านคอรัปชั่นให้เป็นวาระแห่งชาติ) เขาบอกว่าจะดูแลงบประมาณสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ ทางรถไฟ ซึ่งใช้เงินเป็นล้านล้านให้มีการทำสัญญาสุภาพบุรุษระหว่างรัฐบาล หน่วยงาน นักธุรกิจ และนักการเมืองว่า...จะไม่โกง ผมดีใจนะที่รัฐมนตรีคนนี้กล้าทำ
แต่นี่ผมขอกระซิบคุณประมนต์โดยตรงนะ คุณไปหารัฐมนตรีแค่กระทรวงเดียวไม่พอ คุณต้องไปหารัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆและหัวหน้าฝ่ายค้านด้วย เพราะงบประมาณไม่ได้อยู่ที่กระทรวงคมนาคมอย่างเดียว...และที่สำคัญคุณต้องผ่านเข้าไปหาบุคคลที่นั่งอยู่ข้างหลังรัฐมนตรีด้วย (ยิ้ม)
ผมเรียนท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าถ้าคุณทำงานต้านคอรัปชั่น จะเป็นงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาล คุณยิ่งลักษณ์ก็ตอบสนองดี....ค่ะ จะเอาไปศึกษาต่อ(ยิ้ม) ผมบอกเดี๋ยวบูรณาการให้ก็ได้(ยิ้ม) แต่ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีนะ ผมไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องตลกนะ ขอให้มีความจริงใจจริงจังรัฐบาลนี้จะได้ชื่อเสียงมากทีเดียว และจะเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ
การต้านคอรัปชั่นไม่ใช่แค่เรื่องการปลูกจิตสำนึกหรือคอยดูแลปัญหาในฐานะที่เป็นตำรวจปราบปราม แต่การต้องทำหน้าที่เป็นหมอและวิศวกรด้วย วิศวกรที่ต้องสร้างระบบระบบยุติธรรม หรือองค์กรอิสระต่างๆ ส่วนหมอคือคอยป้องกันไม่ให้เกิดการคอร์รัปชั่น เพราะถ้าไม่มีการป้องกัน พออายุมากขึ้นก็จะติดเป็นนิสัย อย่าไปเชื่อค่านิยมที่ว่ารวยแล้วไม่กิน รวยแล้วไม่โกง หรือมีปัญญาแล้วไม่กิน ผมเห็นมีแต่ยิ่งรวยยิ่งโกง คนที่โกงก็จบปริญญาตรี โท เอกทั้งนั้น มันติดเป็นนิสัยจนมองไม่เห็นว่าอะไรผิดอะไรถูก อย่างไรก็ดีประชาชนต้องรับผิดชอบ อย่าไปว่านักการเมือง พ่อค้า หรือข้าราชการอย่างเดียว
ที่ผ่านมาประชาชนก็ไม่เอาไหนด้วย เราอยู่ในสังคมที่เรียกว่าภูมิคุ้มกันหมดไปแล้ว ต้องยกระดับจิตสำนึกของเรา ต้องไม่รับและมีความแค้นด้วยว่าเงินฉ้อราษฎร์บังหลวงที่รั่วไหลไปมันเป็นเงินภาษีของเรา ไม่นับผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจที่ก่อความบิดเบือนทางเศรษฐศาสตร์ การค้า ธุรกิจ ลดโอกาสการแข่งขันโดยเสรีและยุติธรรม แต่แน่ล่ะถ้าหากเงินของเราเป็นเงินสกปรกด้วยก็อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ (ยิ้ม) แต่คนที่ทำงานสุจริตได้เงินบริสุทธิ์มานี่การคอร์รัปชั่นถือเป็นการปล้นเขาโดยตรง
ฉันใดฉันนั้นในการเลือกตั้ง คนกรุงเทพฯออกเสียงได้ 4-5 ล้านคนแต่ไปออกเสียงกันแค่ 51% ทีเหลืออีก 2 ล้านไม่ออกไปใช้สิทธิ์ อย่าไปคิดว่าเขามา 4 ปีเท่านั้นนะ เราต้องช่วยกันกำหนดอนาคต กทม. เพราะอนาคตกทม.คืออนาคตของคนในกทม. มีคนโกงมาคนเดียวที่เอาระบบโกงกินมาด้วย มันไม่ใช่ 4 ปี นะ มันจะยืดยาวต่อไปอีกนาน ฉะนั้นจงไปใช้สิทธิ์กำหนดชะตาชีวิตและอนาคตของเราในฐานนะที่เป็นคนกทม
……………
เมื่อได้เห็นกิจกรรมที่หลายองค์กรทำ(เกี่ยวกับการต้านคอรัปชั่น) ผมก็ใจชื้น และแน่ใจว่าเมื่อผมไปหาก๊อด ถามก๊อดว่าเมื่อไหร่เมืองไทยเราจะหมดคอร์รัปชั่นสักที คราวนี้ก๊อดอาจจะตอบผมได้ว่าอีกสัก 15 ปี ซึ่งผมอาจจะอยู่ไม่ถึงที่จะเห็น...แต่ก๊อดอยู่แน่ครับ ขอบคุณครับ.
ที่มาภาพ :::
http://www.talkinbusiness.net/2012/09/how-does-corruption-affect-foreign-direct-investment-in-developing-economies/
‘Posttoday’ http://bit.ly/VS7Ooy