กรมราชทัณฑ์หย่อนยาน ผู้การเมืองคอน ปูดค้ายาเสพติดในเรือนจำโผล่เพียบ
คณะเดินเท้า “จากเขาหลวงสู่เมืองหลวง” เข้าทำเนียบยื่นจดหมายถึงนายกฯแล้ว เล็งของบฯ อบจ.20 ล้าน ดำเนินโครงการการต่อสู้กับปัญหายาเสพติด ด้านผู้การฯนครศรีฯ เผยค้ายาในเรือนจำลุกลามอีก เหตุเจ้าหน้าที่หย่อนยาน เห็นแก่เงิน ย้ำแก้ยาเสพติดประชาชนทุกคนต้องช่วยกัน อย่ามัวผลักภาระให้คนอื่น
(12 ก.พ.) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เครือข่ายกองทุนแม่ต้านภัยยาเสพติด จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 30 คน ที่ออกเดินเท้าจาก จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้กิจกรรม "เขาหลวงสู่เมืองหลวง รวมพลังชุมชนขจัดสิ้นยาเสพติด" นำโดยนายเฉลิม กาญจนพิทักษ์ ผู้ใหญ่บ้านเก้ากอ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อขอให้ดำเนินการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช อย่างจริงจัง โดยมี พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนออกมารับเรื่อง
นายเฉลิม กล่าวถึงการจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ในครั้งนี้ สิ่งที่ต้องการสื่อสารไปถึงรัฐบาลคือเรื่องราวของชุมชนบ้านเก้ากอที่มีการต่อสู้กับยาเสพติดมาอย่างยาวนาน รวมทั้งประสบการณ์ความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติดที่ได้เก็บเกี่ยวจากชุมชนต่าง ๆ ในช่วงการเดินเท้า 20 วัน อยากให้รัฐบาลหนุนภาคประชาชนให้เข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับปัญหายาเสพติด แต่บางชุมชนติดขัดตรงที่ไม่เลื่อมใสศรัทธาต่ออำนาจรัฐ ภาครัฐจะต้องเสริมความน่าเชื่อถือแก่ประชาชนในส่วนนี้ ก็จะเกิดการร่วมมือผสมผสานระหว่างชุมชนกับรัฐ
โดยหลังจากนี้ ผู้ใหญ่เฉลิมจะกลับไปตั้งเครือข่ายต้านยาเสพติดที่ จ.นครศรีธรรมราชอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอาจมีกิจกรรมเดินเท้าจากจังหวัดสู่อำเภอ สู่ตำบล สู่หมู่บ้าน และสู่บ้าน เพื่อให้เกิดพลังชุมชนขึ้นในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดที่นครศรีธรรมราชในเร็ว ๆ นี้ โดยขณะนี้ได้ของบประมาณจาก อบจ.ไว้แล้ว 20 ล้านบาทเพื่อขับเคลื่อนผลักดันเรื่องนี้
ขณะที่พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวถึง ปัญหายาเสพติดในเรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ขณะนี้เริ่มลุกลามมากขึ้นอีกแล้ว สาเหตุมาจากวัฒนธรรมองค์กรของกรมราชทัณฑ์ที่มีการทำงานหย่อนยาน ในเรือนจำขณะนี้ โทรศัพท์คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุด ราคาข้างนอก 5 พันบาท แต่ข้างในราคาหนึ่งแสนห้าถึงสองแสนบาท จึงไปสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่บางส่วนที่เห็นแก่เงิน ช่วยลักลอบนำโทรศัพท์ไปให้นักโทษที่เป็นผู้ค้ายาเสพติด เรือนจำน่าจะเป็นแหล่งค้ายาเสพติดสำคัญ เพราะสังเกตได้ว่า ทุกครั้งที่เราจับผู้ค้ารายใหญ่จะมีการเชื่อมโยงกับเรือนจำ
“เรือนจำเป็นสถานที่จำกัด มีรั้วรอบขอบชิด สูงใหญ่ ประตูหลายชั้น ถ้าเรายังแก้ปัญหาในนั้นไม่ได้ แล้วคิดจะมาแก้ปัญหาข้างนอก ผมไม่รู้ว่ามันจะยากไปหรือไม่ ผมเน้นแก้ที่ต้นเหตุ อย่างการมาช่วยผู้ใหญ่เฉลิมก็เพราะยึดหลักว่า ถ้าไม่มีผู้เสพ ผู้ค้าก็ไม่มี ถ้าผู้ค้ารายสำคัญอยู่ในเรือนจำเราหยุดในเรือนจำให้ได้ก่อนส่วนข้างนอกต้องเน้นการทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่า ปัญหายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับลูกหลานของตน เป็นหน้าที่ของตนเองที่จะร่วมมือกันแก้ไข โดยไม่ถือและผลักว่าเป็นภาระของคนอื่น” ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าว
ส่วนพล.ต.อ.ภานุพงศ์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดที่มีเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมโดยเฉียบขาดมาโดยตลอด โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ถ้าชุมชนและครอบครัวเข้มแข็ง ยาเสพติดก็เข้าไปไม่ได้ ข้อมูลที่ได้จากการเปิดเวทีพูดคุยตามชุมชนต่าง ๆ ตลอดเส้นทางของคณะเดินทางฯ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ รัฐบาลจะนำไปปรับใช้ให้ชุมชนทั่วประเทศ และเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติด