ปปง.ปรับโครงสร้างรับ กม.ตัดท่อน้ำเลี้ยงก่อการร้าย
ปรับโครงสร้างสำนักงาน ปปง. หลัง พ.ร.บ.ตัดท่อน้ำเลี้ยงก่อการร้าย มีผลบังคับใช้ เพิ่ม "กองข่าวกรองการเงิน" มีหน้าที่ติดตามธุรกรรมน่าสงสัย

(สำนักงาน ปปง. ภาพจากเว็บไซต์กระปุก)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักข่าวป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้แบ่งปรับโครงสร้างแบ่งส่วนราชการใหม่ เพื่อรองรับภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายซึ่งมีความซับซ้อนและเพิ่มปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงาน ปปง. พ.ศ. 2556 ลงนามโดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.กระทรวงยุติธรรม ที่เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา
มีสาระสำคัญ คือเพิ่มภารกิจของสำนักงาน ปปง.ด้านการต่อต้าน “การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย” ทั้งการเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการ กำกับและตรวจสอบผู้มีหน้าที่รายงานการกทำธุรกรรม ตรวจสอบและวิเคราะห์รายงานหรือข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรม สืบสวนและเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
นอกจากนี้ยังแบ่งส่วนราชการสำนักงาน ปปง.ออกเป็น 1.สำนักงานเลขานุการกรม 2.กองกฎหมาย 3.กองกำกับและตรวจสอบ 4.กองข่าวกรองทางการเงิน 5.กองคดี 1-3 6.กองความร่วมมือระหว่างประเทศ 7.กองนโยบายและยุทธศาสตร์ 8.กองบริหารจัดการทรัพย์สิน และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
สำหรับส่วนราชการที่น่าสนใจ อย่าง “กองข่าวกรองทางการเงิน” มีหน้าที่ อาทิ วางระบบและสร้างฐานข้อมูลข่าวกรองการเงิน สืบสวนและวิเคราะห์รายงานหรือข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย ตรวจสอบและพิสูจน์ทราบทางบัญชีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานและความผิดฐานฟอกเงิน ฯลฯ
ทั้งนี้ การออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงาน ปปง.ใหม่ เกิดขึ้นภายหลัง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2556 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2556 มีผลบังคับใช้ หลังประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
สำหรับนิยามของคำว่า “การก่อการร้าย” ใน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯ หมายถึง การกระทำที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา หรือการกระทำที่เป็นความผิดตามกฎหมายซึ่งอยู่ภายใต้ขอบเขตของอนุสัญญาและพิธีสารระหว่างประเทศเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่ประเทศไทยเป็นภาคีรับรอง ทั้งนี้ ไม่ว่าการกระทำที่เป็นความผิดนั้นได้กระทำขึ้นในราชอาณาจักรหรือนอกราชอาณาจักร
โดยความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา อยู่ในมาตรา 135/1 ถึงมาตรา 135/4
