ดร.สุรินทร์แฉ แรงงานต่างด้าวในกทม.ข้ามเขตถูกเก็บ “ค่าต๋ง”
อดีตเลขาธิการอาเซียน หวั่นไทยถูกเพื่อนบ้านมองเป็นชาติที่เอารัดเอาเปรียบ ชี้วาระสำคัญสุดคือเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เผยหากเล่นการเมืองอีก ขอดูศธ. ลั่นจะไปแก้การศึกษาทั้งระบบ สร้างเด็กให้มีคุณภาพรับ AEC
(17 ม.ค.) ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงของประเทศไทยในเวที AEC” ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอ็ท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ในงานเปิดตัวหนังสือ “ความสำเร็จไม่มีข้อยกเว้น” และ “อาเซียนรู้ไว้ได้เปรียบแน่”
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ กล่าวความตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยควรวางนโยบายด้านแรงงานต่างด้าวเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวให้ชัดเจน เพราะแรงงานต่างด้าวเป็นกำลังหลักในหลายภาคการผลิตของไทย เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของไทยใช้แรงงานต่างด้าวเป็นหลักกว่า 80% ซึ่งเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแรงงานต่างด้าว เพราะคนไทยรังเกียจและเลือกที่จะไม่ทำงานเหล่านี้ ในอนาคตอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้า ถ้าประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาแล้วดึงแรงงานของตนกลับ ก็จะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างมากแน่นอน
อดีตเลขาธิการอาเซียนกล่าวอีกว่า มีคนเล่าให้ฟังว่า แรงงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ บริษัทก่อสร้างทำการก่อสร้างตรงไหน ต้องหาที่อยู่ให้แรงงานตรงนั้น แพงเท่าไหร่ก็ต้องอยู่ เช่น สร้างที่สาทร ก็ต้องให้อยู่สาทร เพราะถ้าข้ามเขตจะถูกเก็บค่าต๋ง
"จากสาทรไปปทุมวัน จากปทุมวันกลับไปสาทร โดนเก็บ นี่เกิดอะไรขึ้นกับสังคมของเราที่ชอบพูดว่ามีความเมตตา กรุณา ถ้าเราเลี้ยงเขาดี ให้โอกาส หรือช่วยพัฒนาฝีมือแก่แรงงานต่างด้าว เมื่อเขากลับบ้านเขาจะคิดถึงเรา แทนที่เขาจะหันกลับมามองเราว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ มีภาพพจน์คือเอาเปรียบคนอื่น” ดร.สุรินทร์กล่าว
ดร.สุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในด้านเศรษฐกิจ ไทยเป็นผู้นำและมีข้อได้เปรียบในธุรกิจหลายอย่างเหนือประเทศอาเซียนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เราต้องรักษานี้เอาไว้ให้ได้ สำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของไทย การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นวาระที่สำคัญที่สุด เราจะได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ถ้าไม่พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะเวทีการแข่งขันกว้างขึ้น ชาติเพื่อนบ้านหลายประเทศก็ดีกว่าคนไทยในด้านภาษาอังกฤษ หรือความสามารถในการต่อรอง แต่คนไทยมีนิสัยชอบสบาย ๆ ไม่ดิ้นรน พอเราคิดจะไปแข่งขัน พื้นที่ต่าง ๆ ก็ถูกจับจองเต็มหมดแล้ว เพราะคนอื่นเขาขยับตัวไปก่อนเรา
“ถามว่าถ้าจะให้รับผิดชอบประเทศไทยอีกสักครั้ง กระทรวงที่ท้าทายมากที่สุด คือกระทรวงศึกษาธิการ เวลานี้จำเป็นต้องแก้ระบบการศึกษาทั้งระบบ เพราะเรากำลังพูดถึงการสร้างคนเพื่อประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก การรักษาสิ่งดี ๆ ที่เราได้เปรียบคนอื่น จะทำไม่ได้ ถ้าคนของเราไม่มีคุณภาพดีพอ การศึกษาควรจะเป็นวาระสำคัญที่สุดของครอบครัว ถ้าจะเป็นหนี้ก็ต้องเป็น เพื่อพัฒนาลูกพัฒนาหลาน” ดร.สุรินท ร์กล่าว และวิจารณ์อีกว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจกระทรวงศึกษาธิการด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง คือไปสร้างคน สร้างชาติ สร้างประเทศ หวังแต่การได้ไปบริหารจัดการงบประมาณจำนวนมากในหลายโครงการ