เตือนอันตราย! เครื่องสำอางสมุนไพรโอทอปตกมาตรฐาน
“หมอประดิษฐ์” เตือนระวังเครื่องสำอางค์สมุนไพร พบแบคทีเรีย รา ยีสต์ คลอสตริเดียมเกินมาตรฐาน 5 หมื่นเท่า ครีมหน้าขาวพบปรอท 38% กรมวิทย์สุขภาพฯบริการตรวจสารปนเปื้อนยกระดับโอทอป
วันที่ 16 ม.ค.55 ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดนิทรรศการสตรีไทยห่วงใยสุขภาพ “งามสมวัย อย่างปลอดภัย ใจไม่เครียด” โดยกล่าวว่าปัจจุบันประชาชนหันมาสนใจใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสมุนไพรมากขึ้น ซึ่งมีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าพื้นบ้านหรือโอทอป ซึ่งผู้ใช้มั่นใจว่าปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมี ทั้งนี้สมุนไพรไทยที่นิยมนำมาใช้ในเครื่องสำอาง ได้แก่ ว่านหางจระเข้ มะคำดีควาย เปลือกมังคุด มะขาม ขิง มะกรูด ชุมเห็ดเทศ ใบบัวบก หัวไชเท้า ขมิ้นชัน ไพล แตงกวา และดอกอัญชัน เป็นต้น ส่วนมากจะนำมาเป็นส่วนผสมของแชมพู ครีมนวดผม สบู่ โลชั่น/ครีมบำรุงผิว ครีมขัดเท้า นวดเท้า และขัดผิว
แต่ในปี 2555 สำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เก็บ 527 ตัวอย่างเครื่องสำอางสมุนไพรมาตรวจ พบว่าตกเกณฑ์มาตรฐาน 72 ตัวอย่างหรือร้อยละ 14 โดยพบปริมาณรวมของเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ และรา และคลอสตริเดียมด้วยมากถึง 28 ตัวอย่าง ปริมาณเชื้ออยู่ในช่วง 8,400-50,000,000 โคโลนีต่อกรัม ซึ่งเกินมาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2553 ถึง 8-50,000 เท่าตัว เกินกว่าที่กำหนดว่าเครื่องสำอางสมุนไพรจะต้องไม่พบเชื้อคลอสตริเดียม เนื่องจากเป็นเชื้ออันตรายทำให้อักเสบรุนแรงเป็นฝีหนอง และกำหนดปริมาณการปนเปื้อนจุลินทรีย์ 3 ชนิด คือ แบคทีเรีย ยีสต์ และรา ต้องอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยคือไม่เกิน 1,000 โคโลนีต่อกรัม
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่าคาดว่าเป็นเพราะผู้ประกอบการอาจขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตและเกิดการปนเปื้อนระหว่างกระบวนการผลิตและการบรรจุ ดังนั้นเพื่อเร่งยกมาตรฐานสินค้าเครื่องสำอางสมุนไพรพื้นบ้านหรือโอทอปให้ปลอดภัย เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชน ได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดบริการตรวจวิเคราะห์หาสารปนเปื้อนให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงฯ โดยติดต่อรับบริการได้ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 14 แห่ง หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ หากพบว่ายังไม่ได้ตามเกณฑ์ จะมีการแนะนำเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เข้ามาตรฐาน
นางจุรีภรณ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าปี 2555 ได้สุ่มเก็บตัวอย่างเครื่องสำอางประเภทครีมและโลชั่นที่มีสรรพคุณที่ทำให้หน้าขาว รักษาสิว ผ้า และกันแดด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้หญิงนิยมใช้มากที่สุด 427 ตัวอย่างจาก 4 ภาค พบสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง 3 ชนิด 162 ตัวอย่าง โดยพบสารปรอทแอมโมเนียมากที่สุดร้อยละ 38 สารนี้หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะสะสมในผิวหนังและดูดซึมเข้าสู่เลือด ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทำลายสีของผิวหนังและเล็บมือ ผิวหนังบางขึ้นเรื่อยๆ รองลงมาคือสารไฮโดรควิโนนพบร้อยละ 29 สารชนิดนี้ทำให้เกิดการระคายเคืองและจุดด่างขาวที่หน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หาย และพบกรดเรทิโนอิกร้อยละ 2 ซึ่งทำให้หน้าแดงแสบร้อนรุนแรง ระคายเคืองอักเสบ แพ้แสงแดดและแสงไฟง่ายขึ้น และเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
นางจุรีภรณ์ กล่าวต่อว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะดำเนินการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาดำเนินการทางกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด และจะให้ชมรมสตรีไทยห่วงใยสุขภาพเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งมีทุกจังหวัด 84 ชมรม เช่น กลุ่มภริยาหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด แม่บ้าน และกลุ่มสตรีต่างๆ รณรงค์ให้ความรู้ผู้หญิงในการเลือกใช้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ทั้งนี้นิทรรศการสตรีไทยห่วงใยสุขภาพเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ 16-17 ม.ค.โดยจะมีการให้ความรู้ในการเลือกใช้เครื่องสำอางและเสริมความงามอย่างปลอดภัย เช่น โยคะเพื่อสุขภาพ อันตรายจากการเสริมความงาม การชะลอวัย ศัลยกรรมความงาม การใช้ยาและอาหารเสริมลดความอ้วน นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ สมุนไพร บริการตรวจสุขภาพ สาธิตการตรวจหาสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง และเปิดให้บริการตัดแว่นตาฟรี .