คณะทำงานปฏิรูปฯหวั่นตั้ง ป.ป.จ. การเมืองท้องถิ่นครอบงำ
ชี้ ป.ป.จ. เงินเดือน-สวัสดิการสูงพวกอยากเป็นจะแข่งกันจนปิดกั้นคนมีจิตอาสา สู้ระบบจัดตั้งและอุปถัมภ์ของนักการเมืองท้องถิ่นไม่ไหว แนะสอบประวัติและพฤติกรรมผู้สมัครล่อนจ้อน ปฐมนิเทศเข้มอัดหลักสูตรจริยธรรม
(14 ม.ค.) สำนักงานปฏิรูป (สปร.) ร่วมกับคณะทำงานเฉพาะประเด็นการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น แถลงข่าวเรื่อง “ต้องปฏิรูป ป.ป.ช.-ต้องใส่ใจ ป.ป.จ.” ที่ห้องประชุมสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะทำงานเฉพาะประเด็นการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น และเลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) กล่าวว่า การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของชาติโดย ป.ป.ช.ในปัจจุบันยังเรื้อรังและเลวร้ายลงทุกวัน จึงควรปฏิรูปองค์กรและระบบงาน ป.ป.ช. โดยเฉพาะต้องปฏิรูปการบริหารจัดการคดีที่คั่งค้างกว่า 7,121 คดี
นายแพทย์พลเดช กล่าวถึงเรื่องกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด (ป.ป.จ.) ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนปีนี้ว่า ต้องใส่ใจ ป.ป.จ.มากให้เป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้กลายเป็นตรายางหรือเครื่องฟอกโกงในอนาคต เพราะจะมีความเสี่ยงตั้งแต่กระบวนการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. 3-5 คนต่อจังหวัดไม่อาจป้องกันการบล็อกโหวตได้ จึงต้องทำให้กระบวนการสรรหา ป.ป.จ.เป็นเรื่องสาธารณะที่ครึกโครมในทุกจังหวัดและตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมผู้สมัครอย่างล่อนจ้อน
นอกจากนี้ ป.ป.จ. มีค่าตอบแทนรายเดือนและสวัสดิการที่สูง เป็นการปิดกั้นพลเมืองที่มีจิตอาสาโดยไม่ตั้งใจ เพราะสู้ระบบจัดตั้งของนักการเมืองท้องถิ่นและระบบอุปถัมภ์ไม่ไหว ต้องมีการปฐมนิเทศผู้เป็น ป.ป.จ. อย่างเข้มข้นอย่างไม่เกรงใจโดยเฉพาะในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม และต้องและต้องจัดบทบาทความสัมพันธ์ที่เหมาะสมชัดเจน เพื่อไม่ให้ ป.ป.จ. กลายเป็นเจ้านายใหม่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ครอบงำการปฏิบัติของฝ่ายวิชาชีพ
ประธานคณะทำงานเฉพาะประเด็นฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ป.ป.จ.จะเป็นโอกาสช่วยแบ่งเบาคดีคั่งค้างของ ป.ป.ช. ถ้าใช้มาตรการเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินของนักการเมืองท้องถิ่นโดยใส่ในเว็บไซต์ เพื่อให้สังคมท้องถิ่นได้ช่วยตรวจสอบ รวมถึงผนึกกำลังภาคีต้านทุจริตในพื้นที่และสร้างสรรค์นวัตกรรมป้องกันและสนับสนุนการปราบปรามทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัดนี้ ป.ป.ช. ได้ออกระเบียบว่าด้วยกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด พ.ศ.2555 แล้ว คาดว่ากระบวนการเลือกกรรมการสรรหา 9 คนของแต่ละจังหวัดและคัดเลือกกรรมการ ป.ป.จ. 3-5 คน จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน (อ่านรายละเอียดข่าวเพิ่มเติม)
งบฯแก้ทุจริตไทยจิ๊บจ๊อยเทียบฮ่องกง แนะรัฐบาลเพิ่มเป็นปีละ 2,000 ล้าน
ดร.มานะ นิมิตมงคล คณะทำงานเฉพาะประเด็นการปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น และผู้อำนวยการศูนย์ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้ป้องกันและปราบปรามการทุจริตของไทยยังน้อยและไม่สมเหตุสมผล โดยเป็นงบที่ใช้ในด้านดำเนินการเพียง 9 ล้านบาท ด้านการปลูกฝังต่อสังคมเพื่อต่อต้านการทุจริต 6 ล้านบาท ขณะที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำถึง 1,200 ล้านบาท ซึ่งความเห็นส่วนตนคิดว่ารัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณแก่ ป.ป.ช.ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ได้ยกตัวอย่างข้อมูลการใช้งบประมาณในการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่นของประเทศฮ่องกง ที่ใช้ 0.3% ของบประมาณแผ่นดิน คิดเป็น 0.05% ของจีดีพี ถ้าไทยใช้ในอัตราเดียวกันจะตกประมาณ 4,800 ล้านบาท และถ้าคิดจาก 0.05% ของจีดีพี จะตกประมาณ 28,000 ล้านบาท และถ้าเป็นไปได้ในอนาคตควรมีการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตด้วย
นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ผู้ทรงคุณวุฒิจากศาลฎีกา กล่าวว่า สำหรับการแถลงข่าวของคณะทำงานฯ ครั้งต่อไปในวันที่ 28 ม.ค.2555 จะแถลงในประเด็น การตรวจสอบความสมเหตุสมผลในการเสียภาษีของนักการเมืองและเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งเป็นมาตรการใหม่ที่จะผลักดันให้ ป.ป.ช.นำมาใช้อย่างจริงจังเพื่อจัดการกับนักการเมืองที่ทุจริต