ไทยแจงฟิทช์เรทติ้งจำนำข้าวขาดทุนแค่ 7.6 หมื่นล้านบ.- ปชป.จี้แถลงยอดส่งออก
สศค.แจงข้อมูลจำนำข้าวต่อฟิทช์เรทติ้ง คาดขาดทุนแค่ 7.6 หมื่นล้านบ.ถ้าขายหมดใน 1 ปี หวังไทยเลื่อนอันดับความน่าเชื่อถือ ปชป.จี้ รบ.แถลงยอดส่งออก-ขายข้าว ตั้งประเด็นปั่นออเดอร์ปลอม
วันที่ 24 ธ.ค.55 นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่าในการเข้าพบบริษัทฟิทช์เรทติ้งส์ที่ทำการเก็บรวมรวมข้อมูลทางเศรษฐกิจ ฐานะการเงินการคลัง รวมถึงผลกระทบจากนโยบายต่างๆของรัฐบาล เพื่อประกาศอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในช่วงต้นปีหน้าสศค.ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลต่อฟิทช์เรทติ้งส์ ซึ่งคาดว่าไทยน่าจะได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีขึ้น
นายสมชัย กล่าวอีกว่าในปีการผลิตปี 2554/2555 มีข้าวเข้าโครงการทั้งสิ้น 21.6 ล้านตัน มีต้นทุนจากการรับจำนำ 335,968 ล้านบาท บวกต้นทุนทางการเงิน 16,613 ล้านบาท บวกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 22,276 ล้านบาท รวมต้นทุนทั้งสิ้น 374,877 ล้านบาท หากขายได้ใน 1 ปีตามราคาตลาดจะมีรายได้รวม 294,480 ล้านบาท คิดเป็นผลขาดทุน 76,377 ล้านบาท ไม่ได้สูงถึง 1-2 แสนล้านบาทตามที่มีการประมาณกัน
ทั้งนี้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดกรอบการดำเนินการในโครงการรับจำนำข้าวไว้ว่า ส่วนแรกการชดเชยต้นเงินให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ในฐานะผู้ดำเนินโครงการในอัตราดอกเบี้ย 3.406% ค่าบริหารสินเชื่อ 2.5% ของต้นเงินและต้นทุนการจัดหาเงินกู้อีก 3.2% ส่วนที่ 2 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มีค่าสีแปรสภาพ 500 บาทต่อตัน ค่าฝากเก็บรักษาข้าวสาร 216 บาทต่อตันต่อ 6 เดือน ค่าเสื่อมคุณภาพจากการเก็บรักษา 1% ของข้าวสาร ค่าขนย้ายข้าวเปลือก 300 บาทต่อตัน โดยค่าใช้จ่ายต่างๆภายใต้เงื่อนไขว่า ต้องระบายข้าวให้ได้ภายใน 1 ปี
ผอ.สศค. กล่าวต่อว่าฟิทช์เรทติ้งสนใจเรื่องจำนำข้าวมาก เพราะเกรงว่าจะกระทบฐานะการคลัง เพราะมีการพูดถึงตัวเลขขาดทุนแตกต่างกันไป ทั้งนี้ประเด็นที่ฟิทช์ให้น้ำหนักส่วนใหญ่เป็นด้านเศรษฐกิจและผลของนโยบายภาครัฐ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ฟิทช์จะปรับเครดิตของประเทศไทยเพิ่มขึ้นในปีหน้า เพราะในแง่เศรษฐกิจแล้วมีเสถียรภาพดีทั้งทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูง เงินเฟ้อต่ำ ไม่มีปัญหาการว่างงาน ขณะที่ภาคสถาบันการเงินของไทยก็ยังแข็งแกร่ง เงินกองทุนอยู่ในระดับสูงและหนี้เสียต่ำ
นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดรับจำนำมันสำปะหลัง ในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2555/2556 ตามมติ ครม.ว่าตั้งแต่เปิดรับจำนำ 1 ธ.ค.55 ล่าสุดเกษตรกรนำมันมาจำนำแล้ว คิดเป็นมันเส้น 3 แสนตัน จากเป้าหมาย 10 ล้านตัน
สาเหตุที่เกษตรกรนำมันมาเข้าร่วมโครงการจำนำยังไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคารับจำนำกับราคาตลาดไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งการเปิดโครงการเพื่อต้องการพยุงราคามันไม่ให้ต่ำไปกว่านี้ โดยราคาจำนำอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.65 บาท ที่เชื้อแป้ง 25% ส่วนราคาตลาดขณะนี้อยู่ที่ กก.ละ 2.60-2.63 บาท ขณะที่ผลผลิตมันสำปะหลังในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณกว่า 20-25 ล้านตัน ส่วนราคาเพิ่มนิดหน่อยราว 3-4%
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสรุปผลตรวจสอบการส่งออกข้าวและการจำนำข้าว ที่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำงานตั้งแต่ 4 ธ.ค.อ้างใช้เวลา 2 สัปดาห์แต่กลับเลื่อนแถลงข่าวกรณีส่งออกและการขายข้าวให้ บ.จีเอสเอสจีที่อ้างว่าเป็นตัวแทนรัฐบาลจีน
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า จากสถิติการส่งออกของสมาคมส่งออกข้าวไทยพบว่าปริมาณข้าวไทยส่งออก 6.4 ล้านตันเทียบกับปีก่อน 10.1 ล้านตัน ลดลงด้านปริมาณ 37% มูลค่าการส่งออก 1.3 แสนล้านบาท เดิม 1.78 แสนล้านบาท มูลค่าลดลง 25 % แสดงให้เห็นว่าทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกลดลงทั้งหมด โดยประเทศที่ส่งข้าวไปมี 5 ประเทศ คือ ไนจีเรีย อิรัค แอฟริกาใต้ ไอเวอรี่โคสและฟิลิปปินส์ แต่ไม่มีตัวเลขการส่งออกไปประเทศจีนเลย อีกทั้งทูตจีนก็ยืนยันแล้วว่าไม่มีการซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ โดยรัฐบาลจีนเป็นเพียงผู้ชักนำเอกชนให้ซื้อข้าวไทยเท่านั้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังระบุว่าเชื่อว่ากำลังมีความพยายามสร้างออเดอร์ปลอมกลบเกลื่อนการทุจริต ถ้าตัวเลขสิ้นปีไม่มีปริมาณการส่งออกตามที่อ้าง รมว.พาณิชย์และ คกก.ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะเป็นผู้รับรองว่าจะไม่มีปัญหาการทุจริต นโยบายล้มเหลว ประเทศเสียหาย.
ที่มาภาพ : http://bit.ly/VqcY40