แกะรอยปืนติดกล้องซุ่มยิง ตร.กรงปินัง...กลยุทธ์ใหม่กลุ่มป่วนใต้?
เหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อค่ำวันพุธที่ 19 ธ.ค.2555 คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนยาวติดกล้องซุ่มยิง ส.ต.อ.วชิระ แสงศรี อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ขณะปฏิบัติหน้าที่ประจำ ณ จุดตรวจบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ใกล้กับตลาดนัดกลางคืนกรงปินังนั้น ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นยุทธวิธีใหม่ในการเด็ดชีพเจ้าหน้าที่รัฐของกลุ่มก่อความไม่สงบชายแดนใต้หรือไม่
เพราะการซุ่มยิงด้วยปืนยาวติดกล้องในลักษณะ "สไนเปอร์" หรือ "พลซุ่มยิง" เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเคยเกิดขึ้นในสงคราม ณ ปลายด้ามขวานตลอดเกือบ 9 ปีที่ผ่านมา
แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ผลการผ่าพิสูจน์ศพ ส.ต.อ.วชิระ พบกระสุนขนาด .22 ฝั่งอยู่ในศีรษะ 1 นัด ทำให้ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .22 ประกอบกับการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลตรงกันว่าได้ยินเสียปืนดังขึ้น 1 นัด แต่ไม่ดังมาก จากนั้น ส.ต.อ.วชิระ ซึ่งนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์หน้าจุดตรวจก็ล้มลง พบว่ามีร่องรอยถูกยิง แต่ไม่ทราบทิศทางการยิงของคนร้าย
แหล่งข่าววิเคราะห์ว่า ลักษณะการก่อเหตุ หากจะมองก็น่าจะเป็นลักษณะการซุ่มยิงแบบ "พลซุ่มยิง" หรือ "สไนเปอร์" แต่อาวุธปืนที่ใช้ไม่ใช่อาวุธปืนที่สไนเปอร์ใช้ เพราะปืนของพลซุ่มยิงนั้น ขนาดกระสุนจะมีขนาดใหญ่กว่า .22 และสามารถซุ่มยิงได้ในระยะไกลมาก แต่กรณีที่เกิดขึ้นเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคงอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร และอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุก็มีการติดกล้องเพื่อใช้ในการยิง ทำให้ยิงได้แม่นยำขึ้น
"อาวุธปืนขนาด .22 ที่คนร้ายใช้ เชื่อว่าเป็นปืนลักษณะเดียวกับที่ชาวบ้านใช้ล่าสัตว์ทั่วไป ซึ่งในพื้นที่มีกันเยอะมาก ปืนประเภทนี้ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะติดกล้องเล็งเอาไว้ด้วย เพื่อความแม่นยำในการล็อคเป้า แม้อานุภาพไม่รุนแรงเหมือนปืนชนิดอื่น แต่หากยิงเข้าจุดสำคัญก็เสียชีวิตได้ คนร้ายจึงนำอาวุธปืนประเภทนี้ออกมาก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญปืนประเภทนี้เสียงในการยิงค่อนข้างเบา บางรุ่นเบากว่าจุดประทัดด้วยซ้ำ ฉะนั้นหากใช้ในจุดที่มีสภาพแวดล้อมเสียงดังมากๆ ก็แทบไม่รู้เลยว่ามีการยิงปืนเกิดขึ้น"
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ให้ข้อมูลอีกว่า เหตุการณ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด .22 ซุ่มยิงเจ้าหน้าที่เหมือนที่เกิดขึ้นกับ ส.ต.อ.วชิระ นั้น ไม่ได้เป็นกรณีแรก เพราะการซุ่มยิงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อค่ำวันที่ 18 มิ.ย.2550 คนร้ายได้ก่อเหตุซุ่มยิง พลทหารปัญญา ตรงกลาง สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 3204 (ร้อย ร.3204) เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ใน อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี
"ครั้งนั้นกระสุนปืนขนาด .22 เจาะเข้าบริเวณรักแร้ กระสุนถูกจุดสำคัญทำให้เสียชีวิต โดยหลังก่อเหตุซุ่มยิงแล้ว คนร้ายได้วางเพลิงเผาโรงเรียนอีก 2 แห่ง ทั้งยังลอบวางระเบิดรถยนต์ของ นายชยภัทร รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น จนทำให้นายชยภัทรเสียชีวิตในช่วงเช้าวันที่ 19 มิ.ย.ด้วย ส่วนกรณีที่เกิดกับ ส.ต.อ.วชิระ ถือเป็นครั้งที่ 4-5 แล้วที่พบการใช้อาวุธปืน .22 ซุ่มยิงในลักษณะนี้"
แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาในปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถยึดอาวุธปืนยาวขนาด .22 ได้บ่อยครั้งมาก โดยพบทั้งที่มีทะเบียนถูกต้อง และที่ไม่มีทะเบียน โดยปืนที่มีทะเบียนและถูกยึดได้ ก็ต้องคืนให้ผู้ครอบครองไป แต่ในส่วนของปืนไม่มีทะเบียนหรือถูกลบทำลายเลขทะเบียนปืน ก็ต้องนำมาตรวจสอบที่มาที่ไปว่าเป็นอาวุธปืนจากที่ไหน เชื่อว่าอาวุธปืนที่ถูกทำลายเลขทะเบียนอาจเชื่อมโยงกับการสร้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อย่างกรณีเหตุการณ์คนร้ายยิงหรือวางระเบิดกลุ่มพรานหาของป่าหรือชาวบ้านที่ไปล่าสัตว์ หลายครั้งคนร้ายขโมยอาวุธปืนของเหยื่อไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปืนยาวขนาด .22 เกือบทั้งสิ้น
"เราเชื่อว่าคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยาวขนาด .22 น่าจะได้ปืนมาจากเหตุการณ์ลอบทำร้ายกลุ่มพรานล่าสัตว์ เพราะอาวุธปืนประเภทนี้ไม่มีใช้ในหน่วยงนความมั่นคง หากจะมีการใช้กระสุนขนาด .22 อยู่บ้าง ก็มักใช้ในการซ้อมยิง เนื่องจากราคากระสุนถูกกว่าชนิดอื่น" แหล่งข่าวกล่าว
ด้าน นายพริสร์ สมุทรสาร นักเขียนที่เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ เจ้าของนามปากกา "Zenith" ประจำนิตยสารออนไลน์ (e-book) Gun and Vest กล่าวถึงอานุภาพของอาวุธปืนที่ใช้กระสุนขนาด .22 ว่า กระสุนปืนขนาด .22 เป็นกระสุนปืนขนาดเล็ก เป็นแบบชนวนริม มีดินขับน้อยกว่ากระสุนขนาดอื่นๆ การขออนุญาตใช้หรือครอบครองจึงค่อนข้างง่าย เนื่องจากทางราชการมองว่าเป็นกระสุนปืนที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาและล่าสัตว์ หรือใช้กับปืนพกป้องกันตัว มีอันตรายน้อยกว่ากระสุนปืนขนาดอื่นๆ
อย่างไรก็ดี กระสุนปืนขนาด .22 ก็อาจเป็นกระสุนสังหารได้เช่นกัน หากยิงถูกจุดสำคัญๆ ของร่างกาย อาทิ ยิงแสกหน้า ยิงเข้ากกหู ยิงถูกท้ายทอย หรือยิงตัดเส้นเลือดใหญ่หรือเส้นประสาท โดยระยะหวังผลของอาวุธปืนขนาด .22 มีระยะเพียง 25-50 เมตร ส่วนความแม่นยำในการยิงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ความชำนาญของผู้ยิงและกระแสลม ซึ่งจะส่งผลต่อความแม่นยำในการยิงมาก
สำหรับปืนสไนเปอร์ หรือปืนที่ "พลซุ่มยิง" ใช้กันในทางทหาร หรือที่เห็นกันบ่อยๆ ในภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามนั้น นายพริสร์ กล่าวว่า ปืนสไนเปอร์ใช้กระสุนขนาดใหญ่กว่ามาก เช่น ขนาด .308 หรือ 7.62 นาโต้ ใช้กับปืนกลเล็กเอ็ม 60 เป็นกระสุนชนวนกลาง ดินขับมีปริมาณมาก มีอานุภาพรุนแรงกว่า .22 มาก และใช้ซุ่มยิงในระยะไกลๆ ได้
"ผมคิดว่าการใช้อาวุธปืนขนาด .22 ดัดแปลงมาเป็นปืนซุ่มยิงหรือเป็นอาวุธสังหารก็สามารถทำได้ แต่คนยิงต้องชำนาญมาก เพราะต้องยิงเข้าจุดสำคัญจริงๆ เป้าหมายจึงจะเสียชีวิต" นักเขียนในนิตยสารชื่อดัง กล่าว
ถึงแม้ว่าปืนขนาด .22 จะเป็นกระสุนขนาดเล็กและอานุภาพต่ำ แต่สถิติของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกากลับพบว่า อาวุธปืนขนาด .22 ติดอยู่ 1 ใน 5 ของอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุแล้วทำให้มีผู้เสียชีวิต โดยจัดอยู่ในอันดับ 2 รองจากอาวุธปืนขนาด .380 ซึ่งมีสถิติสูงที่สุด อย่างกรณีการสังหารหมู่ในรัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อหลายปีก่อน คนร้ายก็ใช้ปืนขนาด .22 ในการก่อเหตุ
สำหรับเหตุการณ์ลอบสังหาร ส.ต.อ.วชิระ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.20 น.วันพุธที่ 19 ธ.ค. ศูนย์วิทยุ 191 สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนยาวติดกล้องซุ่มยิง ส.ต.อ.วชิระ ขณะปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ทำให้ ส.ต.อ.วชิระ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อนตำรวจได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลกรงปินัง แต่ ส.ต.อ.วชิระ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ผลการสอบสวนเบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ซ่อนตัวอยู่ในป่ากล้วยตรงข้ามจุดตรวจ และใช้อาวุธปืนยาวติดกล้องยิงใส่ ส.ต.อ.วชิระ ขณะนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์หน้าจุดตรวจ หลังก่อเหตุคนร้ายได้อาศัยความมืดหลบหนีไปทางหลังหมู่บ้าน คาดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
สำหรับศพของ ส.ต.อ.วชิระ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ธ.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและวางพวงหรีดหน้าหีบศพ โดยมี พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา และ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ตลอดจนเพื่อนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด โอกาสนี้ นายเดชรัฐ ได้เป็นตัวแทนมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นของศูนย์ปฏิบัติการเยียวยาจังหวัดยะลา จำนวน 500,000 บาท แก่ครอบครัวของ ส.ต.อ.วชิระ ด้วย
หลังเสร็จพิธีรดน้ำศพ ได้มีการเคลื่อนย้ายศพ ส.ต.อ.วชิระ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ท่าอากาศยานบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อส่งศพกลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนาที่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 จุดตรวจร่วม 3 ฝ่ายในท้องที่รับผิดชอบของ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่ง ส.ต.อ.วชิระ ถูกคนร้ายซุ่มยิง
2 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. รดน้ำศพ ส.ต.อ.วชิระ (ภาพทั้งหมดโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)