“อภิสิทธิ์” เริ่มศึกซักฟอก วันที่ 2 ซัดจำนำข้าวชาวนาได้ไม่ถึงครึ่ง
เปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รบ.วันสอง “อภิสิทธิ์” เปิดเวที ประเดิมยื่นเอกสารถอดถอนนายกฯ โหมโรงจำนำข้าว-ทุจริตภาครัฐ เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง-ยิ่งลักษณ์ ตอบกลับทันควัน เจ๊งน้อยกว่าประกันรายได้
วันที่ 26 พฤศจิกายน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไปเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่สอง เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 9:30 น. โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงแรกของการอภิปราย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นทวงขอเอกสารเกี่ยวกับการยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างว่าในเมื่อฝ่ายค้านอภิปรายนายกรัฐมนตรี แต่ทำไมไม่แจกเอกสาร สมาชิกพรรคเพื่อไทย จนทำให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม สั่งการให้เจ้าหน้าที่แจกจ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จนได้ข้อยุติ
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นอภิปรายซักฟอกนายกรัฐมนตรีต่อ โดยชี้แจงเหตุผลทำไมต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ต่อด้วยประเด็นความไม่โปร่งใสในการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงกลาโหม การแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการทุจริตต่าง ๆ ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า เป็น ปลายเหตุ แต่ "ต้นเหตุ" คือนโยบายที่เอื้อให้เกิดการทุจริตขึ้นทุกขั้นตอน โดยคนที่จะสามารถเปลี่ยนนโยบายนี้ได้คือ นายกรัฐมนตรี
"จำนำข้าวเป็นนโยบายที่มีความผิดพลาดใน 3 เรื่องหลัก ๆ คือ 1.การใช้งบประมาณหลายแสนล้านบาท เป็นโครงการที่รัฐขาดทุนปีละ 224,553 ล้านบาท จึงก่อหนี้สาธารณะให้ประเทศเป็นจำนวนมาก 2. ประเทศไทยสูญเสียตลาดข้าว ทำลายกลไกตลาด และทำให้ข้าวไทยด้อยคุณภาพ 3.การจำนำข้าวเป็นนโยบายที่เอื้อให้เกิดการทุจริตทุกขึ้นตอน ทั้งสวมสิทธิ์ ออกใบประทวน และการระบายข้าวที่ไม่ปรากฏตัวเลขส่งออกหรือจีทูจีตามที่รัฐบาลอ้าง"
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า โครงการจำนำข้าวประโยชน์ไม่ได้ตกที่ชาวนา เพราะน้อยราย ที่ได้ราคาจำนำข้าวเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่ราคาเกวียนละ 15,000 บาท แท้ที่จริงแล้วเงินตกถึงมือชาวนาเกวียนละ 10,500 บาทเท่านั้น
"ผมกำลังจะฟ้องประชาชนว่า รัฐบาลนี้เอาเงินประชาชนไปสองแสนสองหมื่นล้านบาท อ้างว่าเอาไปช่วยชาวนา แต่ช่วยจริงอย่างเก่งคือครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงอยู่กับพ่อค้า โรงสี นักการเมืองทุจริต"
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในประเด็น มาตรการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐ ว่าด้วยเรื่องงบประมาณฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาท ที่รายละเอียดจัดซื้อจัดจ้างไม่ชัดเจน ไม่มีการเปิดเผยราคากลางตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประชาชนไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ (PMOC) เพื่อร้องเรียนการทุจริตงบฯ น้ำท่วมได้ สุดท้ายยังได้อภิปรายถึงการที่รัฐบาลนี้มีการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ญาติ การบั่นทอนและไม่ยอมรับองค์กรศาล เป็นต้น
นายอภิสิทธิ์ อภิปรายโครงการรับจำนำข้าว ว่า เป็นนโยบายรับซื้อข้าวมาขายต่อไม่ใช่การรับจำนำ นำไปสู่การผูกขาดการซื้อข้าวของรัฐบาล ทำลายกลไกซื้อขายปกติโดยสินเชิง และออกแบบมาเพื่อให้เกิดการทุจริต ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังประเทศ ขาดทุนปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท ชาวนาไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที สูญเสียตลาดส่งออกข้าว จูงใจให้ชาวนาปลูกข้าวคุณภาพต่ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะต้องรับผิดชอบ
“การทุจริตโครงการนี้ มีความรุนแรงมาก โกงทุกขั้นตอน จากการลงพื้นที่พบว่ามีชาวนา ได้เงินแค่ 10,500 บาทต่อตัน ไม่ใช่ 15,000 บาท ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ มีการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวที่ชัดเจน เช่น การระบายข้าวแบบ จีทูจี (รัฐต่อรัฐ) ที่ยังเป็นปริศนา ไม่รู้ว่าเป็น จีทูจี หรือ จีเจี๊ยะ จีเจ๊ง จีเจ๊ จีจีน จีโจ๊ก หรือ จี ghost ภาษาอังกฤษ แปลกว่าบริษัทผีคืนชีพ กันแน่”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า การดำเนินงานโครงการนี้ ถ้าไม่มีการทุจริต รัฐบาลยอมขาดทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พรรคฝ่ายค้านเห็นด้วย แต่ในข้อเท็จจริงชาวนาได้รับประโยชน์เพียงครึ่งเดียว ผลประโยชน์อีกครึ่งไปตกอยู่ในมือ พ่อค้าโรงสี นักการเมืองทุจริต จึงยอมไม่ได้