เอกชนจีน ลงนามความตกลงซื้อข้าวไทย 2.6 แสนตัน รองรับปีใหม่
ยิ่งลักษณ์-เวิน เจีย เป่า ลงนามความตกลงไทย-จีน 4 ฉบับ เตรียมซื้อข้าว 2.6 แสนตัน รับปีใหม่-ตรุษจีน ด้าน "องอาจ" ฉะ รบ.หวังผลการเมือง-หลอกปชช. ชี้เอกสารไม่ระบุรายละเอียดซื้อขาย
วันที่ 21 พฤศจิกายน ภายหลังที่ นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับที่ทำเนียบรัฐบาล และมีการหารือกัน
ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานและลงนามความตกลง 4 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือ 2.การแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องโทษตามคำพิพากษา 3.ความตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐประชาชนจีน และ 4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการซื้อขายข้าวระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการซื้อขายข้าวระหว่างสองประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันการขยายตัวในการค้าข้าวระหว่างกัน โดยมีการลงนาม 2 ส่วน ได้แก่ การลงนามของภาครัฐระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของทั้งสองประเทศในวันนี้ และการลงนามของภาคเอกชน ซึ่งด้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2555 ที่ผ่านมา ทางภาคเอกชนจีนได้ตกลงจะนำเข้าข้าวจากไทยรวมปริมาณ 2.6 แสนตัน รวมมูลค่ากว่า 6,240 ล้านบาท เพื่อรองรับเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง พร้อมทั้งยังแสดงความต้องการที่จะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า
ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรื่องการตั้งข้อสังเกตการลงนามบันทึกความร่วมมือ หรือ MOU ที่จะมีการลงนามในวันนี้ระหว่างรัฐบาลไทยและนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ไม่มีรายละเอียดระยะเวลาในการซื้อขายข้าว ทั้งๆ ที่มติครม.เมื่อวันที่ 6 พ.ย.55 มีการอนุมัติจะขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ปีละ 5 ล้านตัน เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 55-58 ซึ่งทำให้ทราบว่ารัฐบาลพยายามเล่นเกมการเมือง เพื่อดิสเครดิตฝ่ายค้านที่ออกมาระบุการซื้อขายแบบจีทูจีไม่เป็นความจริงเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลหยุดหลอกลวงประชาชนและออกมาพูดความจริงว่า การซื้อขายข้าวแบบจีทูจีที่ผ่านมาไม่ได้เกิดความจริง
ทั้งนี้นายองอาจเองได้ตั้งข้อสักเกตุไว้ 3 ข้อคือ
1. ทราบว่ารัฐบาลเร่งนำเอา MOUเข้าครม. ทั้งที่ยังไม่ได้ตกลงอย่าเป็นทางการกับจีน รัฐบาลทำเช่นนี้ เพราะกลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการจำนำข้าวที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือเปล่า
2. MOU ในครั้งนี้ที่รัฐบาลกำลังจะเซ็นสัญญา ดูเหมือนว่าจะเป็น MOUที่เบาเหมือนปุยนุ่น ไม่ได้มีการส่งสัญญาณที่จะซื้อขายข้าวกันแต่อย่างใด อีกทั้งในสัญญายังมีระบุไว้ด้วยว่า MOUฉบับนี้สามารถแก้ไขได้ ข้อความในลักษณะนี้ไม่มีใครเขาทำกัน
3. พฤติกรรมของรัฐบาลในการระบายข้าวนั้นผิดพลาดล้มเหลว และไม่เป็นจริง ที่อ้างว่าทำเพื่อประเทศดูเหมือนว่าขณะนี้รัฐบาลเองกำลังจะเล่นปาหี่ หลอกลวงคนไทย เหมือนเป็นแค่การขายผ้าเอาหน้ารอด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพูดความจริงต่อประชาชน และทำงานบทพื้นฐานความเชื่อมั่นของประเทศไทย