บึ้ม-ยิงซ้ำรถไฟที่รือเสาะตกราง! อส.พลีชีพ เจ็บเพียบ
ใต้เดือด! วางบึ้มถังแก๊สถล่มรางรถไฟที่รือเสาะ พร้อมรัวกระสุนซ้ำ ทำรถไฟสาย "ยะลา-สุไหงโกลก" ตกราง อส.พลีชีพ 1 นาย สาหัสอีก 3 ขณะที่ตำรวจ ชาวบ้าน เด็กเจ็บเพียบ ยิงรายวันยังไม่หยุด นักการโรงเรียนในสายบุรีหวิดดับ สองแม่ลูกที่ระแงะกลับจากกรีดยางเจอดักสังหารตาย 1 เจ็บ 1
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยมีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายเหตุการณ์ โดยล่าสุดเมื่อเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.2555 เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรางรถไฟและยิงถล่มขบวนรถไฟที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 16 ราย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน (17 พ.ย.) เพิ่งเกิดเหตุมอเตอร์ไซค์บอมบ์กลางเมืองยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บรวม 33 ราย
เหตุการณ์ประทุษร้ายต่อขบวนรถไฟล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.20 น.วันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.2555 คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดรางรถไฟใกล้กับสถานีย่อยบ้านตะโละบูกิตยือแร บ้านสโล หมู่ 7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้ขบวนรถไฟที่ 453 ซึ่งให้บริการระหว่างสถานียะลา-สุไหงโก-ลก ตกราง นอกจากนั้นคนร้ายยังใช้อาวุธสงครามยิงถล่มขบวนรถไฟซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ อาสารักษาดินแดน (อส.) พลากร ขุนแก้ว อายุ 25 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ทราบชื่อเบื้องต้นดังนี้
1) อส.วินัย พงค์คูณ 2) อส.เชาวณิต ชูประวัติ อายุ 36 ปี
3) อส.ประสาน ชาตรี 4) ส.ต.อ.พิเชษฐ์ ทิพย์วารี อายุ 28 ปี
5) ด.ต.ยงยุทธ กังวัตร์ อายุ 43 ปี 6) ด.ช.มะเปาซี ดาโอะ อายุ 12 ปี
7) นายสามารถ แก้วประสิทธ์ อายุ 36 ปี 8) ด.ช.มะเพาซัน ดาโอะ
9) นายสุขสวัสดิ์ เรืองนาม อายุ 47 ปี 10) นายสุกรี กรูแป อายุ 29 ปี
11) นายกำพล หน่อแก้ว 12) ด.ช.อัซรอน หะยีอาแซ อายุ 12 ปี
13) นายโชคดี พรหมจันทร์ อายุ 53 ปี 14) นายวัชระ อินจำปา อายุ 44 ปี
15) นางรอกายะ กามาเซะ อายุ 27 ปี 16) นายอุทัย สังข์ผล อายุ 59 ปี
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และ อส.ได้ระดมกำลังกันเข้าควบคุมสถานการณ์ และลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรือเสาะ โดยผู้ที่อาการสาหัส แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ทั้งนี้ อส.ประจำขบวนรถไฟ 3 นายที่รอดชีวิต อาการค่อนข้างสาหัส
สอบสวนทราบว่า คนร้ายได้วางระเบิดไว้บริเวณรางรถไฟใกล้กับสถานีย่อยบ้านตะโละบูกิตยือแร อ.รือเสาะ จำนวน 2 ลูก เมื่อรถไฟขบวนที่ 453 ให้บริการระหว่างสถานียะลา-สุไหงโก-ลก แล่นผ่านมา ก็ได้จุดชนวนระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้รถไฟตกราง จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ขบวนรถไฟอีกหลายชุด ทำให้เจ้าหน้าที่ อส.รถไฟ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้จนคนร้ายล่าถอยไป
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้โจมตีรางรถไฟเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม 2 ลูก จุดชนวนด้วยการลากสายไฟช็อตด้วยไฟฟ้า โดยคนร้ายนำระเบิดไปฝังไว้ใต้รางรถไฟ สันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รถไฟขาล่องหยุดวิ่ง-ผู้โดยสารตกค้างเพียบ
ผลกระทบจากเหตุโจมตีรถไฟขบวนที่ 453 ยะลา–สุไหงโกลก ทำให้บรรยากาศตามสถานีรถไฟอื่นๆ ทั่วชายแดนใต้ซึ่งมีอยู่ 27 สถานี เต็มไปด้วยความอลหม่าน เพราะรถไฟที่ให้บริการในพื้นที่ชายแดนใต้ทั้งขาล่องต้องหยุดจอดที่สถานีรถไฟยะลา เท่านั้น
ทั้งนี้ บริเวณทางเข้า-ออกและภายในสถานีรถไฟทุกแห่ง มีเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ที่สถานียะลา ในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ เจ้าหน้าที่ของสถานีต้องตรวจกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสารทุกคนอย่างละเอียด เพราะเกรงว่าคนร้ายจะถือโอกาสก่อเหตุบริเวณสถานีซ้ำสอง ขณะที่ประชาชนซึ่งซื้อตั๋วเอาไวว้แล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางได้ ต้องต่อคิวคืนตั๋ว และพากันไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะแบบอื่นในการเดินทาง ส่วนใหญ่เป็นรถตู้และรถแท็กซี่
นายชวนะ ชุมนุมพันธ์ นายสถานีรถไฟยะลา กล่าวว่า ขณะนี้รถไฟทุกขบวนที่ให้บริการขาล่อง ปลายทางสถานีสุไหงโกลก ต้องหยุดเดินรถทุกขบวน ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่ารถไฟขาล่องที่จะไปยังสถานีปลายทางสุไหงโกลกจะหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
ย้อนอดีตโจมตีรถไฟสายชายแดนใต้
สำหรับเหตุร้ายที่กระทำต่อรถไฟที่ชายแดนใต้ครั้งล่าสุดก่อนหน้าครั้งนี้ คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2555 โดยขบวนที่ตกเป็นเป้าคือขบวนรถไฟที่ 447 สุราษฎร์ธานี-สุไหงโกลก เหตุเกิดขณะเคลื่อนขบวนออกจากสถานีบูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส มุ่งหน้าสถานีรถไฟไอสะเตียร์ ท้องที่ หมู่ 9 บ้านบือราแง ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มทำให้ อส.สุทธิพงษ์ หิรัญบรรณ อายุ 36 ปี (อส.ประจำ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส) เสียชีวิต และ อส.อัสสุวัน เจ๊ะลาเต๊ะ อายุ 29 ปี (อส.ประจำ อ.สุไหงโก-ลก) ได้รับบาดเจ็บ
อนึ่ง เส้นทางรถไฟจากชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ถึง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งหมายถึงเส้นทางรถไฟในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร มีสถานี 27 สถานี มีจุดล่อแหลมหรือจุดเสี่ยงรวมทั้งสิ้น 12 จุด ส่วนใหญ่เป็นช่วงจากสถานียะลาถึงสถานีสุไหงโก-ลก (ผ่าน อ.รือเสาะ เจาะไอร้อง ระแงะ) เพราะเป็นพื้นที่ป่าเขา มีเนินสูง
จากการเก็บสถิติของการรถไฟศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พบว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุรุนแรงกับรถไฟ หรืออาจเรียกว่าเป็นช่วงเสี่ยงเกิดเหตุมากที่สุดคือช่วงเช้าตรู่ เพราะมีรถให้บริการหลายขบวน เหตุการณ์ที่พบบ่อยที่สุดคือการลอบถอดหมุดรางรถไฟ รองลงมาเป็นช่วงเวลาเย็น ส่วนกลางคืนไม่มีการก่อเหตุ เพราะไม่มีการเดินรถ ส่วนรูปแบบการก่อเหตุ ได้แก่ ลอบถอดหมุดราง วางระเบิดราง ใช้อาวุธปืนยิงขบวนรถไฟ และยิงเจ้าหน้าที่บนรถไฟ รวมเหตุร้ายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรถไฟตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันมากกว่า 100 ครั้ง
ปัจจุบันมีรถไฟให้บริการระหว่างสถานีชุมทางหาดใหญ่ถึงสถานีสุไหงโก-ลกทั้งขาขึ้นและขาล่องรวมทั้งสิ้น 22 ขบวน เป็นขบวนรถท้องถิ่น 14 ขบวน โดยการเดินทางโดยรถไฟถือเป็นเส้นทางสายหลักของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ยิงภารโรงที่สายบุรี-สองแม่ลูกกลับจากสวนยางที่ระแงะ
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ในช่วงเช้าวันเดียวกัน เวลา 01.40 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะยูโซะ บินเจ๊ะวัน นักการของโรงเรียนบ้านปายอ อยู่บ้านเลขที่ 8 บ้านปายอนอก หมู่ 8 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้นายมะยูโซะได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านของนายมะยูโซะเอง
เวลา 08.20 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นางฮาดีเม๊าะ ลอยี เสียชีวิต และ นายอับดุลเลาะ ลอยี บุตรชายของนางฮาดีเม๊าะ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากกรีดยางพาราที่สวนยางในหมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มุ่งหน้ากลับบ้าน โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณโรงยางเก่าบ้านลูโบ๊ะยีแล หมู่ 6 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิงของทั้งสองเหตุการณ์
ซุ่มยิงทหารที่รือเสาะไร้เจ็บ-ตัดฟันต้นยางชาวบ้าน
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันเสาร์ที่ 17 พ.ย.เวลา 12.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิงทหารชุดปฏิบัติการของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 บนทางหลวงสาย 4060 ท้องที่บ้านสาวอ หมู่ 2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะเดินทางโดยรถกระบะหุ้มเกราะ 2 คัน กลับจากรับตัวผู้ต้องหาที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อนำส่งภูมิลำเนา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บนรถได้ใช้อุธปืนประจำกายยิงตอบโต้จนคนร้ายล่าถอยไป ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
วันเดียวกัน มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบตัดโค่นต้นยางพาราในพื้นที่ ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส รวม 3 จุด ทำให้ต้นยางพาราได้รับความเสียหายรวม 240 ต้น โดยเป็นสวนยางของ น.ส.นริศรา มะสาและ ที่บ้านตะโล๊ะแน็ง หมู่ 4 ต.บางปอ สวนยางของ นายดือราแม ดูคงดือรามะ ที่บ้านตะโล๊ะแน็ง หมู่ 4 ต.บางปอ และสวนยางของนายดาโอ๊ะ คาเดร์ ที่บ้านทำนบ หมู่ 5 ต.บางปอ
กราดยิง อส.กะพ้อ ดับคาถนน
ช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 17 พ.ย.คนร้ายจำนวนประมาณ 6-7 คน มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์เงิน เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เสียชีวิต และมีชาวบ้านโดนลูกหลงบาดเจ็บ 1 ราย
สำหรับ อส.ที่ถูกยิง คือ นายซากิบบารากี เด็งลา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/5 บ้านโลทู หมู่ 6 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ ถูกคนร้ายกราดยิงใส่ขณะจอดรถจักรยานยนต์คุยกับ นายซาอุดิง เจ๊ะโด อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 บ้านโลทู ทำให้นายซาอุดิงได้รับบาดเจ็บไปด้วย เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านขายของชำข้างโรงเรียนบ้านโลทู โดยคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 กราดยิง นั่งอยู่ในกระบะรถ สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า หลังก่อเหตุได้ชิงอาวุธปืนพกของ อส.ซากิบบารากี หลบหนีไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ยอดผู้บาดเจ็บ จยย.บอมบ์ยะลา พุ่ง 33 ราย
ด้านความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด “มอเตอร์ไซค์บอมบ์” ที่หน้าร้านแสงไทยโลหะกิจ ริมถนนสิโรรส ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.ส่วนปฏิบัติการและรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ศูนย์ปฏิบัติการร่วมทางยุทธวิธี กองอานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้รายงานยอดผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม จาก 29 ราย เป็น 33 ราย โดยมีชื่อผู้บาดเจ็บนอกเหนือจากที่รายงานไปแล้ว คือ นางปรีดา ศิรินทร์วรเวทย์ อาการสาหัส นายอาทิตย์ หมอกสวัสดี ด.ต.ยอดรัก เพชรมณี และ น.ส.ยารอด๊ะ การี สามรายหลังอาการไม่สามารถ
ส่วนหญิงวัยกลางคนที่เสียชีวิต คือ น.ส.พรรณี ศิรินทร์วรเวทย์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/42 หมู่ 9 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ทั้งนี้ ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ซุกไว้ในรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง (รถโชเล่ย์) ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีแดงสลับดำ หมายเลขทะเบียน พยท 661 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นของ นางฉวีวรรณ วาทอง แจ้งหายไว้ที่ สภ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1, 4 ขบวนรถไฟตกรางหลังจากเกิดระเบิด
2 สภาพรางจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดทำให้เกิดหลุมลึก
3 สภาพภาพในโบกี้ที่ถูกโจมตี ซึ่ีงเป็นจุดที่พบศพ อส.ที่เสียชีวิต (พรางภาพโดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา)
5-7 ผู้โดยสารตกค้างและต่อคิวคืนตั๋วที่สถานียะลา ขณะที่ผู้โดยสารอีกกลุ่มต้องหันไปใช้บริการรถตู้แทน (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : คุณมูรนี มามะ ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า เอื้อเฟื้อภาพเหตุการณ์ (ภาพที่ 1-4)
อ่านประกอบ : สั่งคุมเข้ม"12จุดเสี่ยง"รถไฟสายใต้ แฉ 8 ปีโดนโจมตีกว่าร้อยครั้ง!
http://www.isranews.org/south-news/stat-history/item/16047-q12q-8-100.html