ดีเอสไอเรียก “ชินวรณ์-นริศรา” แจงซื้อคุรุภัณฑ์อาชีวะ
ดีเอสไอเรียก “ชินวรณ์-นริศรา” แจงซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ 15 พ.ย.นี้ หลังพิรุธส่อทุจริตอื้อ เตรียมส่ง ป.ป.ช.สอบต่อ

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2555 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนกรณีการทุจริตจัดซื้อคุรุภัณฑ์อาชีวะศึกษา ตามโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 5,300 ล้านบาท หรือเอสพี 2 ว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบหลักฐานส่อว่าจะมีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้าราชการประจำในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นการกระทำเอื้อประโยชน์ ให้บริษัทคู่สัญญาชนะการประมูล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ฝ่ายผู้ต้องสงสัย
ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2555 ที่ผ่านมา ดีเอสไอจึงทำหนังสือเชิญให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต รมว.กระทรวงศึกษาธิการ และ น.ส.นริศรา ชวาลตันติพิพัทธ์ อดีต รมช.กระทรวงศึกษา กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา (สอศ.) รวมถึงข้าราชการประจำ 2 ราย ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกำหนดแผนและนโยบายในโครงการจัดซื้อ คุรุภัณฑ์ ให้นำหลักฐานเข้าชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ โดยขอให้ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความผิดฐานการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการประจำจะมาหรือไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็ได้ ดังนั้น ดีเอสไอจะเร่งส่งสำนวนคดีไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมายภายใน 30 วัน โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง จะแถลงข่าวผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ในวันที่ 12 พ.ย.นี้“ แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวยังเปิดเผยด้วยว่า ผลการสืบสวนพบว่า ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ปฏิบัติการสาขาไฟฟ้าทั่วไปของวิทยาลัย 46 แห่ง วงเงินชุดละ 256,000 บาท มีบริษัทแห่งหนึ่งชนะการเสนอราคามากถึง 35 แห่ง ส่วนผู้เสนอราคารายอื่นเป็นเพียงคู่เทียบเท่านั้น โดยบริษัทดังกล่าวเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้ประกอบกิจการที่ตรงกับโครงการ แต่เป็นบริษัทขายเครื่องวัดอุณหภูมิ บางแห่งประกอบกิจการขายกระดาษและพลาสติก แต่กลับเป็นผู้ชนะการประกวดราคาครุภัณฑ์ห้องปฏิบัติการเคมี ห้องปฏิบัติการไฟฟ้า และพลังงานทดแทน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการเสนอราคาของบริษัทจะสูงกว่าวงเงินที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงบประมาณ เมื่อต่อรองราคาแล้วราคาที่ทำสัญญาจะเท่ากับราคาที่สำนักงบประมาณจัดสรรโดย ไม่มีราคาที่ทำสัญญาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จึงเชื่อว่ามีการสมยอมราคาโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
“การจัดซื้ออุปกรณ์ของวิทยาลัยอาชีวะมีพิรุธส่อการกระทำผิดทางอาญาเป็นจำนวนมาก โดยบางแห่งจัดซื้อโดยไม่ผ่านขั้นตอนการยื่นคำร้องระบุความต้องการวัสดุอุปกรณ์ แต่ สอศ.ได้กำหนดสเปคและทีโออาร์ทั้งหมดแล้วจัดซื้อจัดจ้าง จากนั้นจึงเรียกผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวะมาทำความตกลงแล้วให้เซ็นรับวัสดุอุปกรณ์ แลกเปลี่ยนกับการนำคณะผอ.วิทยาลัยอาชีวะไปเที่ยวต่างประเทศ โครงการเอสพี 2 จึงเป็นการยัดเยียดอุปกรณ์การเรียนการสอนให้กับวิทยาลัยอาชีวะต่างๆ โดยที่ไม่มีความต้องการหรือร้องขอ การส่งครุภัณฑ์ที่มีการสั่งซื้อ และตรวจรับจากส่วนกลางไปให้วิทยาลัยอาชีวะ ซึ่งตามทีโออาร์ระบุว่า เป็นพัสดุจากประเทศประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อตรวจรับกลับเป็นวัสดุที่ผลิตในประเทศไทย หรือผลิตในประเทศแถบเอเชียแล้วนำมาประกอบในไทย โดยอุปกรณ์บางรายการที่ระบุในทีโออาร์ว่าเป็นทองคำ เมื่อตรวจสอบกลายเป็นทองเหลือง” แหล่งข่าวระบุ
