ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง 67 ส.ว.ยื่นให้วินิจฉัยชี้ขาด สัญญาขายข้าวจีทูจี
ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้อง กรณีส.ว.ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดรัฐธรรมมูญมาตรา 190 วรรคหก สัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง หรือไม่
วันที่ 7 พฤศจิกายน ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณาเรื่อง ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดรัฐธรรมมูญมาตรา 190 วรรคหก ว่า สัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง หรือไม่
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีตามคำร้องของผู้ร้องยังไม่ปรากฎหนังสือสัญญา อันเป็นข้อเท็จจริงในการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคหก ประกอบกับข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 18
ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยชี้ขาด
ขณะที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ ทำสัญญาซื้อขายข้าว แบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กับประเทศจีนเป็นเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2556 - 2558 โดยขายให้ปีละไม่เกิน 5 ล้านตันว่า มติดังกล่าวทำให้เกิดความสับสนว่าที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เคยระบุว่า จะมีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้กับจีน จำนวน 2 ล้านตัน ซึ่งไม่ทราบว่าจำนวนการซื้อขายนี้มีจริงหรือไม่ เพราะคนเริ่มสับสนว่า กระทรวงพาณิชย์ใช้มติคณะรัฐมนตรีทำให้คนในประเทศเกิดความสับสน ซึ่งมติที่ออกมาล่าสุดก็เกิดขึ้นในช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในประเทศ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าการที่มติออกมาในช่วงดังกล่าวเป็นเจตนาที่จะกันนายกรัฐมนตรีให้ไม่ต้องรับผิดชอบและให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบแทนหรือไม่
นอกจากนี้นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยันว่า ประเทศไทยขายข้าวในเชิงมูลค่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วยว่า หากดูจากสถิติการส่งออกข้าว โดยเทียบช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน ปี 2554 กับปีนี้จะพบว่า มูลค่าการขายข้าวของไทยลดลงไปถึง 5.3 หมื่นล้านบาท แม้จะมีรายได้มากกว่าประเทศอื่น แต่เงินในกระเป๋าของเราลดลงแล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร นี่คือ ผลกระทบจากโครงการจำนำข้าว