สภาองค์กรชุมชนจี้รัฐดัน 3 จว. ใต้จัดการตนเอง-ตั้ง ‘จินดา บุญจันทร์’ ปธ. ใหม่
สภาองค์กรชุมชนร้องรัฐปลดล๊อกหนี้เกษตร ดัน 3 จว.ใต้จัดการตนเอง ปลัดพม. แนะปลูกสำนึกรักถิ่นป้องนายทุนรุก ตั้ง ‘จินดา บุญจันทร์’ ปธ. คนใหม่
วันที่ 2 พ.ย. 55 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) จัดประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ณ โรงแรม ทาวน์ อิน ทาวน์ กรุงเทพฯ โดยนายแฉล้ม ทรัพย์มูล ประธานที่ประชุมฯ กล่าวว่า ภายหลังพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 กำหนดให้พอช. มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้จัดตั้งพัฒนากิจการของสภาองค์กรชุมชนตำบล ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแล้ว 3,614 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 48.13 ของจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 7,508 แห่ง แต่มั่นใจว่าจะสามารถขับเคลื่อนจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ประธานที่ประชุมฯ ยังกล่าวถึงวาระสำคัญในการพิจารณาครั้งนี้ว่า มีการพิจารณาแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชน ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2556-2558) และข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาล ซึ่งจะนำเสนอผ่านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ภายใต้หลักการ 3 ข้อ ดังนี้ 1.การสร้างความมั่นคงของชุมชนท้องถิ่น ให้รัฐเร่งรัดโครงการปฏิรูปทุกระดับ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดและออกแบบโครงการของอปท. ให้เหมาะกับบริบทของพื้นที่ ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการกระจายอำนาจรูปแบบชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองและจังหวัดจัดการตนเอง หรือชื่ออื่นที่ภาคประชาชนเข้าใจได้ง่าย ปรับปรุงกลไกองค์กรภาครัฐ รวมถึงการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น สำหรับการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ภาคประชาชนร่วมดำเนินการเป็นจังหวัดจัดการตนเอง
2.ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ รัฐต้องพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคเกษตรกรรม โดยลดภาระหนี้สินแก่เกษตรกร นอกจากนี้ต้องส่งเสริมให้ทำเกษตรกรรมปลอดสารเคมีและเกษตรอินทรีย์ พัฒนาระบบตลาดที่เป็นธรรมด้านราคาพืชผลทางการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้และความมั่นคงทางอาหารของชาติ และเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) 3.การสร้างความเป็นธรรมทางสังคม ให้ชุมชนมีบทบาทในการจัดการพัฒนาด้านต่าง ๆ โดยใช้หลักศาสนาปลูกจิตสำนึก เช่น แก้ปัญหายาเสพย์ติด การพนัน แรงงานข้ามชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ การค้ามนุษย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชน ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2556-2558) ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อ 7 มิ.ย. 55 แบ่งเป็น 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การปฏิรูปโครงสร้างและกลไกการขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชน เน้นมาตรการพัฒนาศักยภาพแกนนำให้ดำเนินการจังหวัดจัดการตนเองยั่งยืนได้ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบริหารจัดการตนเองของสภาองค์กรชุมชน เน้นการพัฒนาให้สภาองค์กรชุมชนเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนกิจกรรมระดับตำบล พร้อมจัดตั้งสำนักงานสภาองค์กรชุมชนในระดับต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการดำเนินงานจัดการตนเอง ยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างความร่วมมือในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับตำบล จังหวัด และชาติ เน้นการกระตุ้นการพัฒนาการทำงานของสภาองค์กรชุมชนให้เป็นที่พึ่งของตำบล ภายใต้ ‘1 อำเภอ 1 สภาองค์กรชุมชนต้นแบบ’ และผลักดันให้เกิดการสนับสนุนงบประมาณจากท้องถิ่น ยุทธศาสตร์ที่ 4 คลังสมองเชิงรุกทางสังคมและนวัตกรรมพื้นที่ เน้นการเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมชุมชนสู่สาธารณะ เพื่อแสดงถึงจุดยืนของประชาชนในท้องถิ่น
ด้านนายวิเชียร ชวลิต ปลัดพม. กล่าวภายหลังรับข้อเสนอว่า ขอชื่นชมการทำงานของสภาองค์กรชุมชนตำบลที่สามารถจัดตั้งได้ถึงร้อยละ 48.13 แม้ภาครัฐจะรู้สึกอึดอัดกับการขับเคลื่อนดังกล่าว แต่นับเป็นความอึดอัดภายใต้การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่ดี ซึ่งภายใต้การทำงานระดับท้องถิ่นนั้นมีเอ็นจีโอเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก หากแต่ความจริง ‘ชุมชน’ ต่างหากที่เป็นองค์กรรูปธรรมที่รู้จักพื้นที่ดีที่สุด จึงต้องรีบปกป้องความบริสุทธิ์ มิให้ใครเข้ามาแทรกแซงการทำงานในชุมชน เพื่อรักษาการยอมรับจากภายนอกให้ยั่งยืนต่อไป แม้กระบวนการบางอย่างจะมีอุปสรรคบ้างก็ตาม
ทั้งนี้ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์มหาอุทกภัยปี 54 เกิดจากความบกพร่องในโครงการของภาครัฐและชุมชน แต่เมื่อคนในท้องถิ่นร่วมมือกันแก้ไข ปัญหาต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายด้วยดี เพราะต้องยอมรับว่าน้ำท่วมเกิดจากการใช้ประโยชน์ที่ดินของชุมชนเอง ทำให้กีดขวางทางน้ำ
“ปัญหาต่าง ๆ ในชุมชน เรากำลังเรียกร้องความช่วยเหลือจากภาครัฐว่าต้องไม่ทำโครงการที่กระทบต่อความเป็นอยู่ในชุมชน และปกป้องไม่ให้นายทุนเข้ามาทำประโยชน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครทำได้ นอกจากชุมชนที่ต้องร่วมคิดร่วมทำ ช่วยกระตุ้นจิตสำนึกให้รักทุกพื้นที่ มิใช่มองว่าถนนเป็นของกรมทางหลวง หรือทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง เพราะคิดว่าเป็นของสาธารณะไม่ได้” ปลัดพม. กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มีมติเลือกนายจินดา บุญจันทร์ เป็นประธานที่ประชุมระดับชาติสภาองค์กรชุมชนตำบลคนใหม่ สืบแทนนายแฉล้ม ทรัพย์มูล ซึ่งหมดวาระลง โดยมีน.ส.วิภาศศิ ช้างทอง และนายสุรศักดิ์ อินทรประสิทธิ์ เป็นรองประธาน นายชาติวัฒน์ ร่วมสุข เป็นเลขานุการ.