“หมอประดิษฐ์” ประกาศปรับโครงสร้าง สธ.-สร้างรายได้ ปท.-แก้สภาพคล่อง รพ.
“วิทยา” ลาตำแหน่ง เชื่อเพื่อไทยสร้างเอกภาพระบบสาธารณสุข ฝาก รมว.ใหม่เดินหน้าเมดิคัลฮับ- 1 หมอ 1 ตำบล “หมอประดิษฐ์” ประกาศปรับโครงสร้าง สธ.-สร้างรายได้ ปท.-แก้สภาพคล่อง รพ.
วันที่ 2 พ.ย.55 นายวิทยา บุรณศิริ อดีตรมว.สาธารณสุข (สธ.) สรุปการดำเนินนโยบายด้านสุขภาพที่ผ่านมาและส่งมอบงานให้ นพ.ประดิษฐ์ สินธนวรณงค์ รมว.สธ.คนใหม่ โดยเปิดเผยว่าการขับเคลื่อนนโยบาย สธ.จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันภายใต้การทำงานของพรรคเพื่อไทยโดยมีนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน
1.หลักประกันสุขภาพ ให้หน่วยบริการสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่สำนักงานหลักปประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)อุดหนุน เน้นพัฒนาคุณภาพหน่วยบริการโดยเฉพาะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) เพื่อลดความแออัด รพ.ขนาดใหญ่ เดินหน้าโครงการ 1 หมอ 1 รพ.สต. บูรณาการ 3 กองทุนสุขภาพ เน้นผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี(เอดส์) ตั้งศูนย์ไตขึ้น 2.ยาเสพติด แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ด้าน คือการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้เสพยาและสารเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้น 3.จังหวัดชายแดนใต้ ส่งเสริมอนามัยแม่และเด็ก สุขภาพช่องปาก สุขภาวะชาวมุสลิมและอาหารฮาลาล 4.ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเมดิคัลฮับ
สำหรับสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อคือขยายสิทธิให้ครอบคลุมผู้ป่วยไตวายและเอดส์มากขึ้น และต้องส่งเสริมการลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหา รพ.ขาดสภาพคล่อง และให้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลแก่ข้าราชการท้องถิ่น
ด้านนพ.ประดิษฐ์ กล่าวมอบนโยบายข้าราชการระดับบริหารว่าวิสัยทัศน์ในการทำงานคือคนไทยทุกคนจะมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างยั่งยืน พันธกิจของการทำงานแบ่งออกเป็น 3 ด้าน 1.พัฒนาระบบสุขภาพให้มั่นคงสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ 2.บูรณาการหน่วยงานภายใน ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและสนองต่อนโยบาย 3.สร้างความเข้าใจร่วมกันสำหรับผู้ทำงาน
นพ.ประดิษฐ์ กล่าวอีกว่าจะใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจนเป็นเป้าหมาย พัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพระดับชาติ และปรับโครงสร้างสธ.โดยให้มีองค์กรการจัดการผู้ให้บริการแยกจากผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อลดข้อขัดแย้งต่างๆ ปรับโครงสร้างการเงินการคลังเพื่อสร้างดุลยภาพรายได้และรายจ่ายด้านการเงินการคลังระยะยาว ขณะเดียวกันจะพัฒนากำลังคนภาครัฐให้มีสภาพการจ้างงานที่ดีขึ้น และเสริมสร้างบทบาทประเทศไทยสู่เวทีโลก รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน .