ใครทำธุรกิจกับ บ.ไร่ส้ม-คุณสรยุทธ ต้องอ่าน "UK Bribery Act 2010"
ปัญหาข้อเท็จจริงว่าบริษัทไร่ส้มจำกัด และ/หรือคุณสรยุทธ พิธีกรชื่อดังระดับชาติของไทยได้กระทำการอันเรียกว่า “ทุจริต” หรือ “ประพฤติมิชอบ” ด้วยการกระทำในลักษณะที่มีการให้สินบนแก่ผู้มีอำนาจหน้าที่ของรัฐหรือของเอกชนใด เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้หรือไม่ หรือได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเข้าข่ายเป็นการ “ประพฤติมิชอบ” คือกระทำการอันฝ่าฝืนความคาดหมายในทางสุจริตหรือฝ่าฝืนความไว้วางใจอันพึง ได้รับจากสาธารณชนหรือไม่นั้น เป็นปัญหาที่เราคงจะได้ติดตามการพิจารณาตัดสินของผู้มีอำนาจหน้าที่ต่อไป
แต่ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็คือ การที่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้ตกลงใจถอนโฆษณาบริษัทของตนในรายการยอดฮิตนี้ น่าคิดว่าเป็นเพราะอะไร อะไรเป็นแรงจูงใจให้บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นตกลง ใจเช่นนั้น เป็นเพราะระดับจริยธรรมของผู้ประกอบการเหล่านั้น เป็นเพราะความระมัดระวังในการประกอบการ หรือเพราะอำนาจบังคับอย่างอื่น?
ผู้เขียนมีข้อสมมติฐานว่า นอกเหนือจากการรักษาระดับจริยธรรมและภาพพจน์แล้ว ผู้ประกอบกิจการขนาดใหญ่ที่มีความรอบคอบในรักษาผลประโยชน์ของกิจการในระดับนานาชาติ จำเป็นต้องยุติการทำธุรกิจกับผู้ประกอบการหรือบุคคลใดๆ ที่มีเหตุควรสงสัยว่า อาจกระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ด้วยการตัดบุคคลเหล่านั้นออกจากวงจรธุรกิจของตัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายของประเทศอังกฤษซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อปี ค.ศ.2011 ที่ผ่านมา
เราทราบกันดีว่าในระยะหลายปีมานี้ กระแสการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงการธุรกิจการค้าได้ขยายตัวขึ้น ในระดับนานาชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่มีการยกขึ้นเป็นปัญหาถกเถียงกันในธนาคารโลก หรือมีการเสนอดัชนีชี้วัดระดับความทุจริตประพฤติมิชอบของแต่ละประเทศดังที่ เราได้รับรู้กันทุก ๆ ปี
แต่พัฒนาการล่าสุดที่ควรจับตามอง ได้เกิดขึ้นหลังจากเกิดกรณีทุจริต ประพฤติมิชอบในบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่ขยายตัวจนลุกลามไปจนส่งผลกระทบเป็นวง กว้างกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจของโลกในที่สุด
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นก็คือ ได้มีการตกลงในระดับนานาชาติ จัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบขึ้น เช่นอนุสัญญาของ OECD และมีตรากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติ มิชอบทั้งในวงราชการและในวงธุรกิจการค้าขึ้นในหลายประเทศ
กฎหมายที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้ คือ กฎหมายของสหราชอาณาจักร ที่รู้จักกันในนามของ UK Bribery Act 2010 ซึ่งมีลักษณะสำคัญคือเป็น กฎหมายที่อังกฤษมุ่งให้มีผลบังคับใช้กว้างขวางยิ่งกว่าอนุสัญญาและส่งผล กระทบร้ายแรงยิ่งกว่ากฎหมายของชาติต่างๆ ที่เคยมีมา เพราะมีผลบังคับใช้แก่การกระทำที่เข้าข่ายทุจริตหรือประพฤติมิชอบที่เกิด ขึ้นทั้งในและนอกประเทศอังกฤษ
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือใช้บังคับทั่วโลก โดยไม่จำกัดว่าผู้กระทำจะต้องมีสัญชาติอังกฤษ หรือมีภูมิลำเนาอยู่ในอังกฤษหรือไม่ ขอให้เป็นผู้มีธุรกิจในประเทศอังกฤษเป็นพอ
และที่ว่ามีธุรกิจในประเทศอังกฤษนี้ มีความหมายกว้างมาก คือแม้เพียงมีธุรกรรมหรือส่วนหนึ่งของธุรกรรมเกิดขึ้นในอังกฤษ ก็ถือว่า มีธุรกิจในประเทศอังกฤษแล้ว ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการไทยหรือญี่ปุ่นที่เข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของอังกฤษ ก็ได้ชื่อว่าทำธุรกิจในอังกฤษแล้ว
ที่สำคัญ การกระทำที่ถือว่าเข้าข่ายทุจริต หรือประพฤติมิชอบนั้นกินความกว้างขวางมาก และไม่จำกัดว่า จะกระทำต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐหรือภาคเอกชน หากการกระทำนั้นเป็นไปเพื่อแสวงหาหรือมีการเอื้อประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบ แล้วก็เป็นการกระทำที่เข้าข่ายต้องรับผิดตามกฎหมายนี้
ลักษณะสำคัญประการต่อมาก็คือกฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ไม่เพียงกำหนดให้ผู้ กระทำความผิดโดยตรงต้องรับผิดเท่านั้น แต่ยังกำหนดความรับผิดทางอ้อมทั้งในทางแพ่งและทางอาญาแก่ผู้ประกอบการอัน เป็นนิติบุคคล และรวมไปถึงผู้แทนและผู้บริหารของนิติบุคคลหรือผู้ประกอบการนั้น ๆ ด้วย
ฐานแห่งความรับผิด ได้แก่การทำทุจริต หรือประพฤติมิชอบโดยตรง หรือโดยอ้อมในฐานบกพร่องต่อหน้าที่ในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบในกิจการของตน ทั้งนี้เว้นแต่มีกฎหมายยกเว้นให้ทำได้โดยเฉพาะ เช่นราชการลับ หรือการกระทำอันเป็นการป้องกัน หรือจำเป็นโดยสมควรแก่เหตุ
ความรับผิดฐานกระทำทุจริต หรือบกพร่องต่อหน้าที่ป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบนี้ยอมมีขึ้น ไม่ว่าการกระทำนั้นๆ จะได้กระทำไปโดยผู้บริหาร พนักงาน หรือผู้ได้รับมอบหมาย คู่สัญญาหรือผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำในทางเอื้อประโยชน์แก่กิจการของผู้ประกอบการนั้น ไม่ว่าในทางหนึ่งทางใดก็ตาม
ผู้ที่ถูกกล่าวหาและศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบในกิจการของตน หากเป็นนิติบุคคลก็ต้องระวางโทษปรับโดยไม่มีเพดานจำกัดความรับผิด หรือในกรณีเป็นบุคคลธรรมดา เช่นผู้บริหาร หรือผู้แทนนิติบุคคลก็อาจต้องถูกตัดสินให้ต้องรับผิดจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษปรับนั้นไม่มีเพดานจำกัดอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ธนาคารไทย บริษัทไทย บริษัทอเมริกันหรือบริษัทญี่ปุ่นที่มีธุรกิจการค้าในอังกฤษ รวมทั้งผู้ที่ไปซื้อบ้านอยู่ในอังกฤษย่อมมีหน้าที่ต้องระมัดระวังป้องกันไม่ ให้กิจการของตัว คนของตัว หรือคนที่เกี่ยวข้องไปกระทำการอันเข้าข่ายทุจริต หรือประพฤติมิชอบไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชนในขอบเขตทั่วโลก มิฉะนั้นอาจต้องรับผิดเมื่อเข้าไปในอังกฤษ หรือมีทรัพย์สินอยู่ในอังกฤษ
การที่จะอ้างได้ว่าไม่บกพร่องต่อหน้าที่เช่นนั้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการที่สำคัญๆ ได้แก่
ก) จะต้องมีการประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการเข้าเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ
ข) จะต้องมีการแสดงออกโดยผู้บริหารระดับสูงว่าผูกพันตนในการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบให้ปรากฏรับรู้ได้แก่ผู้เกี่ยวข้อง
ค) ต้องมีการดำเนินการป้องกันด้วยความระมัดระวังและรอบคอบไม่ให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบในหมู่ผู้เกี่ยวข้อง
ง) ต้องมีกระบวนการกำกับดูแลกิจการและมีมาตรการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบที่ดี และปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จ) มีกระบวนการบังคับใช้กระบวนการและมาตรการที่วางไว้อย่างชัดเจน และ
ฉ) ต้องมีการะบวนการตรวจสอบและทบทวนอยู่เสมอ
ตัวอย่างน่าสนใจ เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้เอง ปรากฏว่า สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินเกือบ 2 ล้านปอนด์ และต้องบริจาคเงินอีก 2 ล้านปอนด์ให้แก่องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรในแอฟริกาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำนึกผิด และความตั้งใจจริงที่จะป้องกันและขจัดปัดเป่าการทุจริตและประพฤติมิชอบในองค์กร หรือในหมู่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับองค์กร
หลังจากที่ศาลอังกฤษได้พิพากษาว่า สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดปล่อยปละละเลยหรือบกพร่องต่อหน้าที่ขจัด ปัดเป่าการทุจริตและประพฤติมิชอบในองค์กรของตน เพราะบุคคลในสำนักงานสาขาของตนในอาฟริกาได้จ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ เกี่ยวข้องกับโครงการให้ความช่วยเหลือส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนที่สนับ สนุนโดยธนาคารโลก ทั้งนี้เพื่อชักนำให้ตกลงจัดซื้อหนังสือของสำนักพิมพ์มาใช้ในโครงการช่วย เหลือเหล่านั้น
การที่อังกฤษบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างจริงจัง ย่อมจะส่งผลให้ผู้ประกอบการชาติต่าง ๆ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงมีธุรกิจทางใดทางหนึ่งในอังกฤษได้ จำเป็นต้องวางมาตรการระวังป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในแวดวงที่ตน เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นบริษัทใหญ่ของไทยและของชาติต่างๆ ที่งดทำสัญญามอบหมายให้บริษัทไร่ส้ม หรือคุณสรยุทธ ซึ่งตกอยู่ในฐานะผู้มีเหตุควรสงสัยว่าได้กระทำการไปในทางมิชอบ ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์แก่บริษัท จึงอาจจะตัดสินใจเช่นนั้นเพื่อระงับความเสี่ยงต่อความรับผิดของตัวตามกฎหมาย ของอังกฤษด้วยก็ได้
หรือถ้าได้กระทำไปเพื่อรักษาระดับคุณธรรมหรือจริยธรรม ก็นับว่าได้รับประโยชน์ทั้งในทางสังคมและในทางกฎหมายไปด้วยในตัว แต่ไม่ว่าอย่างไร นับแต่นี้ไปผู้มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับอังกฤษ คหบดี นักการเมือง และสาธารณชนที่ใส่ใจปัญหาการป้องกันและขจัดปัดเป่าการให้สินบาทคาดสินบน การทุจริตประพฤติมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบทั้งหลาย จำเป็นต้องใส่ใจกับ UK Bribery Act 2010 กันบ้างแล้ว
-หมายเหตุ นายกิตติศักดิ์ ปรกติ เป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์