‘สื่อมีสี’ ดับเครื่องชน! ใช้ “Hate Speech” เพาะปมเกลียดชัง-ชี้นำความรุนแรง
มีเดียมอนิเตอร์ เผยผลศึกษา เว็บไซต์-ทีวีดาวเทียมการเมือง ยุคแบ่งขั้ว พบใช้การสื่อสารแบบ “Hate Speech” สร้างปมเกลียดชัง-ลดทอนศักดิ์ศรีมนุษย์-ชี้นำความรุนแรง
หลังการเมืองไทยเริ่มแบ่งฝ่ายเป็น 2 ขั้วชัดเจน ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม พ.ศ.2549 จากกรณียกเว้นภาษีตระกูล ‘ชินวัตร’ และ’ดามาพงศ์’ กรณีขายหุ้นเครือชินคอร์ปให้แก่บริษัทเทมาเส็ก ทำให้เกิดการต่อต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และต่อมาเมื่อการรัฐประหาร วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ทำให้เกิดการต่อต้านจากแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นอีกฝ่ายหนึ่ง
และเมื่อมีสื่อทางเลือกรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้น การใช้เสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์และเป็นอันตราย โดยเฉพาะการใช้ Hate Speech เพื่อสร้างความเกลียดชังแก่ “กลุ่ม” การเมืองฝ่ายตรงข้าม มีการแบ่งแยกเป็นสื่อของ “สี” ก็ยิ่งมีมากขึ้น
คณะกรรมการวิชาการ จึงได้ศึกษาเรื่องการใช้ Hate Speech ผ่านทางเว็บไซต์การเมือง และทีวีดาวเทียมการเมือง ระหว่างวันที่ 12-18 มิถุนายน 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองกรณีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 วาระ 3 และกรณีโหวตล้มค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการโต้ตอบระหว่างนายพานทองแท้ ชินวัตร กับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ผ่านเฟสบุ๊ค และกรณีทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง เช่น คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ฯลฯ
โดยเลือกศึกษาเว็บไซต์การเมืองจำนวน 6 เว็บไซต์ และทีวีดาวเทียมช่องการเมือง 4 ช่อง ดังนี้
-เว็บไซต์การเมือง 6 เว็บไซต์ เลือกศึกษาที่เปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้งานแลกเปลี่ยน ตอบโต้ แสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีการอัพเดทเนื้อหาสม่ำเสมอ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.เว็บไซต์ของผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2.เว็บไซต์ของผู้สนับสนุนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ 3.เว็บไซต์ของไม่เลือกข้างทางการเมือง ประกอบด้วย ขบวนการเสรีไทย, พันทิป, Internet to Freedom, ผู้จัดการออนไลน์ประชาไท และประชาทนธิปไตย (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1)
-ทีวีดาวเทียมช่องการเมือง 4 ช่อง เลือกศึกษารายการจากสถานีที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.สถานีที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
2.สถานีที่สนับสนุนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
และ 3.สถานีที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ประกอบด้วย Asia Update (ศึกษารายการประชาชนข่าว) , ASTV (ศึกษารายการคนเคาะข่าว), Bluesky Channel (ศึกษารายการสายล่อฟ้า) และช่อง Voice TV ศึกษารายการ (The Daily Dose)
เว็บไซต์การเมือง |
ทีวีดาวเทียม ช่องการเมือง |
เลือกศึกษากระทู้และพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองจาก 6 เว็บไซต์ ได้แก่ 1. ขบวนการเสรีไทย (http://webboard.serithai.net) 2. พันทิป (www.pantip.com) 3. Internet to Freedom (http://www.internetofreedom.com) 4. ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) 5. ประชาไท (www.prachatai.com) 6. ประชาทนธิปไตย (www.prachathon.org) |
เลือกศึกษารายการที่ได้รับความนิยม หรือมีการแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินและผู้ร่วมรายการที่อาจก่อให้เกิด Hate Speech จาก 4 ช่อง โดยเลือกศึกษาช่องละ 1 รายการ ได้แก่ 1. ช่อง Asia Update ศึกษารายการประชาชนข่าว 2. ช่อง ASTV ศึกษารายการคนเคาะข่าว 3. ช่อง Bluesky Channel ศึกษารายการสายล่อฟ้า 4. ช่อง Voice TV ศึกษารายการ The Daily Dose |
โดยวิธีการศึกษาในครั้งนี้จะศึกษา Hate Speech ที่ปรากฏใน 3 ลักษณะ คือ
1. การลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ (Dehumanized) คือ การเหยียดหยามหรือเปรียบเทียบคนกลุ่มหนึ่งๆ กับสิ่งที่น่ารังเกียจ ต้อยต่ำ ด้อยคุณค่า ไร้สิทธิ เช่น การเปรียบเทียบเป็นสัตว์ การเหยียดชนชั้น ฯลฯ
2. การลดคุณค่า (Devalued) คือ การกล่าวโจมตี การด่าทอ คนกลุ่มหนึ่งๆ ด้วยคุณค่าด้านลบ มีจุดประสงค์เพื่อลดทอนความสำคัญ ลดทอนคุณค่าของตัวตน ค่านิยม การกระทำ และอุดมการณ์ทางการเมืองของคนกลุ่มดังกล่าว เช่น การด่าทอว่าโง่เขลา ชั่วร้ายเลวทราม โหดเหี้ยมอำมหิต ขี้โกหก ฯลฯ
3. การชี้นำสู่ความรุนแรง (Threat) คือ เนื้อหาที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง เช่น การข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย การกล่าวปลุกปั่นโดยมุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง การต่อสู้ การปะทะ ฯลฯ
ประเด็นทางการเมือง
ที่พบมากในสื่อทั้ง 2 คือ
(1) กรณีชะลอลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 และกรณีโหวตล่มค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ
(2) กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะไม่คืนรถยนต์กันกระสุน
(3) กรณีการโต้ตอบระหว่างนายพานทองแท้ ชินวัตร กับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ผ่านเฟสบุ๊ค
ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่พบในเว็บไซต์การเมือง คือ กรณีข่าวพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล กรณีพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยที่มีนบุรี และประเด็นอื่นๆ ที่พบในทีวีดาวเทียมช่องการเมือง คือ กรณีนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงพื้นที่เตรียมรับมือน้ำท่วม กรณีทุจริตคอรัปชั่นของพรรคการเมือง กรณีสหรัฐอเมริกาขอใช้สนมบินอู่ตะเภา
ผลการศึกษาการใช้ Hate Speech พบว่า
เว็บไซต์การเมืองมีการใช้ Hate Speech ทั้ง 3 ลักษณะ ได้แก่
-การลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พบ 4 ลักษณะ คือ การเปรียบเทียบกับสัตว์ การเหยียดชนชั้น การเปรียบเทียบกับอมนุษย์ และการเหยียดเชื้อชาติ ถิ่นกำเนิด
-การลดคุณค่า พบ 9 ลักษณะ คือ การโจมตีว่าชั่วร้าย/โหดเหี้ยม โง่เขลา ขี้โกหก เห็นแก่เงิน ขี้ขลาด ขี้โกง น่าขยะแขยง/น่ารังเกียจ บ้า/เสียสติ และหน้าด้าน
-การชี้นำสู่ความรุนแรง พบ 2 ลักษณะ คือ การข่มขู่/อาฆาต และการปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง
ส่วนทีวีดาวเทียมช่องการเมือง พบการใช้ Hate Speech 2 ลักษณะ ได้แก่ การลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พบ 1 ลักษณะ คือ การเปรียบเทียบกับสัตว์ การลดคุณค่า พบ 4 ลักษณะ คือ การโจมตีว่าชั่วร้าย/โหดเหี้ยม ขี้โกหก ขี้โกง และโง่เขลา
เมื่อเปรียบเทียบการใช้ Hate Speech ที่พบในสื่อทั้งสอง พบว่า เว็บไซต์การเมืองมีสัดส่วนเนื้อหาที่เข้าข่าย Hate Speech มากกว่า และมีลักษณะที่หลากหลายกว่าทีวีดาวเทียมช่องการเมือง นอกจากนี้เนื้อหาที่เข้าข่าย Hate Speech ในเว็บไซต์การเมืองจะมุ่งไปที่ทั้งพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองภาคประชาชน ส่วนทีวีดาวเทียมช่องการเมืองพบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะเข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ พบการใช้ Hate Speech ที่น้อยและมุ่งไปที่พรรคการเมืองเท่านั้น
หมายเหตุ: Hate Speech คือ การแสดงออกใดๆ ก็ตาม ที่กระทำต่อ “กลุ่มคน” ซึ่งถูกเหมากลุ่มโดยพื้นฐานเรื่องเชื้อชาติ ความเชื่อ เพศ วัฒนธรรม อุดมการณ์ทางการเมือง ฯลฯ การแสดงออกนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเกลียดชังกลุ่มคนดังกล่าวโดยแฝงความรุนแรง เช่น การสบประมาท การดูถูก ดูแคลน การหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การลิดรอนสิทธิ ไปจนถึงการข่มขู่อาฆาต และยุยงปลุกปั่นให้เกิดการขจัด หรือ กระทำรุนแรงต่อกลุ่มนั้นๆ
เอกสารประกอบ : ผลการศึกษา (ฉบับย่อ) Hate Speech ในเว็บไซต์และทีวีดาวเทียม การเมือง (12-18 มิถุนายน 2555)