กสทช.เคาะเกณฑ์ให้เงินอุดหนุนวิทยุชุมชน เริ่มใช้ 10 ต.ค.55
กสทช.เคาะเกณฑ์ให้เงินกองทุนวิจัยพัฒนากิจการกระจายเสียงฯ ลงราชกิจจา 10 ต.ค. เผยอุดหนุน 20%ของจำนวนคลื่นผ่านใบอนุญาต ไม่ได้วัดจากรายได้ กสทช.
วันที่ 1 ต.ค. 55 ที่สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ในฐานะเลขานุการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุนกสทช.) เปิดเผยว่า ภายหลังพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553กำหนดให้สำนักงานกสทช. จัดตั้งกองทุนกสทช. โดยโอนเงินกองทุนพัฒนาโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO) และเงินสมทบประจำปีของสำนักงานกสทช. มาร่วมนั้นซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตกิจการโทรคมนาคมต้องนำเงินเข้ากองทุน 3.75% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ส่วนผู้ประกอบการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2% ในแต่ละปี ขณะนี้หลักเกณฑ์ในการขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุน คณะกรรมการได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว ซึ่งจะนำเสนอต่อประธานกสทช. ลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา 10 ต.ค.55
โดยหลังจากประกาศฯ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา องค์กรอิสระ นิติบุคคล จะสามารถขอรับการสนับสนุนเงินได้ภายใต้เงื่อนไข 3 ประเภท ได้แก่ 1.เงินที่เกิดจากผู้ขอรับการสนับสนุนเองจะส่งเรื่องเข้ามาโดยตรง จากนั้นจะจำแนกตามม. 52 (1) (2) (3) (4) ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ 2.คณะกรรมการกองทุนจะเป็นผู้ประกาศตามโครงการ เพื่อให้องค์กรที่ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการยื่นความจำนงแข่งขัน และ 3.กฎหมายได้บังคับให้กองทุนต้องจัดสรรเงินให้อัตโนมัติตามหลักเกณฑ์ เช่น กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
“นอกจากประกาศกองทุนจะครอบคลุมกิจการโทรคมนาคมแล้ว ยังมีผลต่อกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ด้วย หนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนวิทยุชุมชน ฉะนั้นทุกคนต้องดำเนินตามประกาศหลักเกณฑ์นี้”
เลขานุการกองทุนฯ กล่าวต่อว่า กรณีวิทยุชุมชนมีเงื่อนไขว่าต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการถาวรก่อน จึงจะมีสิทธิในการขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุน โดยขณะนี้คณะกรรมการรอมติจากบอร์ดกระจายเสียงในการส่งจำนวนวิทยุชุมชนที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาอนุมัติ เพื่อจะได้กำหนดเงินจัดสรรอย่างถูกต้อง
“สมมติว่ากองทุนจัดสรรเงินสนับสนุนให้สถานีวิทยุชุมชน 100 ล้านบาท หากมี 1,000 สถานี จะต้องนำจำนวนที่ได้รับใบอนุญาตหารด้วยจำนวนเงินที่ตั้งไว้ใช้รายปี เช่นเดียวกับโทรทัศน์ชุมชน มิได้วัดจากรายได้ เเต่ให้ตามความเหมาะสม”
นายฐากร ยังแจกแจงงบประมาณว่า ขณะนี้กองทุนกสทช. มีเงินในบัญชีใช้ได้ทุกวัตถุประสงค์ 287 ล้านบาท เงินที่ใช้ได้เฉพาะกิจการโทรคมนาคม 379 ล้านบาท ส่วนเงินที่รับโอนจากกองทุนกทช. เดิมมี 2,924 ล้านบาท ภายใต้แผน USO อนุมัติแล้ว 1,700 ล้านบาท จึงเหลือเพียง 1,200 ล้านบาท ซึ่งหากได้อนุมัติตามที่รัฐบาลขอความจำนงมา 950 ล้านบาท จะเหลือเงินใช้ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์เพียง 250 ล้านบาทเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนกสทช. จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนประชาชนได้รับบริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง ส่งเสริมชุมชนและพัฒนาผู้ประกอบการชุมชน รวมถึงคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุน ประกอบด้วย พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานกสทช. ดำรงตำแหน่งประธานกองทุน, ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), อธิบดีกรมบัญชีกลาง, ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ได้แก่ พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล, นายพนา ทองมีอาคม, นายธีรวุฒิ บุญยโสภณ, นายนันทพล กาญจนวัฒน์ และนายต่อพงศ์ เสลานนท์.
ที่มาภาพ : http://www.dailynews.co.th