“ณัฐวุฒิ”โชว์ดันราคายางขึ้น กำหนดมาตรการลดส่งออก-นำร่องถนนยางพารา
คกก.ยาง ดันมาตรการแก้ปัญหาราคาดิ่ง ห้ามผู้ประกอบการส่งออกเกินรายละ 5 พันตันต่อปี “ณัฐวุฒิ” โชว์เจรจาผู้ซื้อจีน-ตั้งงบ 85 ล้านนำร่องถนนยางพารา-หนุนชาวสวนยางทำอุตฯยาง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(รมช.กษ.) เปิดเผยผลการกระชุมคณะกรรมการควบคุมยาง ว่าตามข้อตกลงของสภาความร่วมมือด้านยางระหว่างประเทศ (ITRC) (ประกอบด้วยไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย) เพื่อแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ โดยมีมติให้ประเทศสมาชิกดำเนินมาตรการควบคุมการส่งออก โดยลดการส่งออกยางในปี 2555 รวม 300,000 ตัน ในส่วนของประเทศไทยเพื่อให้สามารถลดปริมาณการส่งออกยางได้ตามเป้าหมาย จำเป็นต้องอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 มาตรา 5(2) และ 6(8) ออกประกาศกำหนดปริมาณควบคุมเนื้อยาง ปริมาณจัดสรรเนื้อยางตามความเหมาะสมสถานการณ์ยางของประเทศ โดยกำหนดปริมาณจัดสรรเนื้อยางที่อนุญาตให้ส่งออกได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ผลการประชุมคณะกรรมการเห็นชอบหลักเกณฑ์ปริมาณการส่งออกยางของผู้ประกอบการว่าให้ส่งได้รายละไม่เกิน 5,000 ตันต่อปี หากผู้ประกอบการรายได้ที่ส่งออกเกิน 5,000 ตันต่อปี ต้องลดปริมาณการส่งออกลงตามสัดส่วนที่ไทยจะต้องลดปริมาณการส่งออก 1.4 แสนตัน ส่วนผู้ประกอบการที่ขยายส่งออกในปีนี้เกิน 5,000 ตันก็ให้ขยายการส่งออกได้ไม่เกินครึ่งของปริมาณที่ขยายการส่งออก โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.55 นี้เป็นต้นไป ซึ่งผู้ประกอบการยินดีให้ความร่วมมือและเห็นว่าเป็นมาตรการที่เหมาะสม
รมช.กษ. ยังกล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ราคายางได้ขยับตัวขึ้นเรื่อยๆหลังจากได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ และจากการเจรจาความร่วมมือ ITRC และประเทศที่ผลิตยางพาราที่ยังไม่อยู่ใน ITRC รวมทั้งเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่งขณะนี้ได้ตอบรับที่จะร่วมหารือ 3 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ยังได้เจรจากับผู้รับซื้อรายใหญ่ในจีน ถึงมาตรการต่างๆที่จะยกระดับราคายาง และการใช้ประโยชน์ของยางภายในประเทศมากขึ้น ทั้งการเพิ่มผลิตภัณฑ์ยางในอุตสาหกรรมต่างๆ และขณะนี้ได้กำหนดงบประมาณแล้ว 85.5 ล้านบาททำถนนยางพารานำร่องยาว 19 กิโลเมตร ที่ ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เชื่อมต่อกับ ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยจะเชิญผู้รับซื้อยางมาร่วมดูงานเวิลด์รับเบอร์เอ็กซ์โป ที่ไทยจะจัดขึ้นต้นปีหน้า
นอกจากนี้พร้อมจะสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรที่ต้องการดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมยางพารา ซึ่งนอกจากช่วยส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางพารา และส่งเสริมความแข็งแข็งของสถาบันเกษตรกรในการดำเนินธุรกิจด้วย .
________________________
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต