เลขาฯศาสนาเพื่อสันติภาพปลุกร่วมมือดับไฟใต้ มุสลิมไทยบินไปฮัจญ์เที่ยวปฐมฤกษ์
วงสัมมนานานาชาติเรื่อง "ศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในอาเซียน" ได้เริ่มขึ้นแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.ย.2555 ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ โดยมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนา ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ไปร่วมงานตามที่มีการแจ้งกำหนดการเอาไว้
แต่กระนั้น นายอับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุหชิน อัล ตุรกี เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม (Secretary-General of the Muslim World League) พร้อมด้วย นายวิลเลียม เวนด์เลย์ เลขาธิการศาสนาเพื่อสันติภาพ และคณะ ซึ่งล้วนเป็นบุคคลสำคัญของศาสนาต่างๆ ที่เข้าร่วมสัมมนานานาชาติที่กรุงเทพฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล
เว็บไซต์รัฐบาลไทย (www.thaigov.go.th) รายงานว่า เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม ได้ขอให้ทางการไทยร่วมมือกับสันนิบาตโลกมุสลิมในการสร้างสันติภาพ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันทางศาสนา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเพิ่มพูนสู่ความร่วมมือของประเทศมุสลิมในอาเซียนให้มากขึ้นในอนาคต
ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้เน้นย้ำจุดยืนของไทยเกี่ยวกับการยึดมั่นแนวทางสันติวิธีและการเคารพต่อความหลากหลายทางความเชื่อ และต่อต้านการสร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนาจากการใช้ความรุนแรงต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยสันติวิธี ผ่านกระบวนการพัฒนา แนวทางประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับคำแนะนำจากสันนิบาตโลกมุสลิมด้วยเช่นกัน
"เครือข่ายศาสนสัมพันธ์"ก่อร่างสันติภาพ
สำหรับการสัมมนานานาชาติเรื่อง "ศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในอาเซียน" ในวันแรก ได้มีการปาฐกถาของผู้นำศาสนาหลายท่าน อาทิเช่น นายวิลเลียม เวนด์เลย์ เลขาธิการศาสนาเพื่อสันติภาพ และที่ประชุมโลกของศาสนาเพื่อสันติภาพ (RfP/ WCRP) กล่าวว่า อยากเห็นความร่วมมือระหว่างศาสนา โดยเฉพาะการร่วมกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ทั้งนี้ องค์กรศาสนาเพื่อสันติภาพและที่ประชุมโลกของศาสนาเพื่อสันติภาพนั้น มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ กล่าวคือ 1.จำเป็นต้องมีสภาร่วมกันระหว่างศาสนาเพื่อร่วมคลี่คายปัญหาต่างๆ 2.สร้างการทำงานร่วมกันในเครือข่ายอาเซียน และ 3.สร้างสะพานเชื่อมกันระหว่างศาสนาต่างๆ
"สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มต้นที่เจ้าของศาสนาต้องสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรม ประเพณีของศาสนาตนเอง พร้อมทั้งเคารพศาสนาอื่น ให้การศึกษากับชุมชนที่มีความหลากหลาย ที่ผ่านมาหลายๆ ปัญหาที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนแก้ไขได้ เช่น กรณีที่มีเด็กเสียชีวิตจากการถูกทรมาน จากการเจ็บป่วย ด้วยโรคระบาด ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ทางการศึกษา กรณีผู้หญิงหรือเด็กถูกใช้ให้เป็นแรงงานทาส ใช้ประโยชน์ทางเพศ เรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นศัตรูกับสันติภาพ จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขให้เป็นรูปธรรม" นายเวนด์เลย์ กล่าว และว่า เครือข่ายศาสนสัมพันธ์อาเซียนจะทำงานให้เกิดความปรองดอง ความสามัคคี และเกิดสันติภาพขึ้นได้
มุสลิมพร้อมอยู่ร่วมกับทุกประชาชาติ
ขณะที่ นายอับดุลเลาะห์ บิน อับดุลมุหชิน อัล ตุรกี เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม กล่าวว่า วันนี้อิสลามร่วมลงเรือกับประชาชาติอื่น อิสลามย่อมอยู่ในสถานะเดียวกัน และมุสลิมพร้อมอยู่ร่วมกันกับทุกประชาชาติบนพื้นฐานของสันติภาพ อย่างไรก็ตาม ขอประณามเหตุการณ์ที่เกิดกับชาวโรฮิงญา ขอให้ยกเลิกการกดขี่อิสลาม หยุดดูถูกเหยียดหยามศาสนาอิสลาม และขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันประณามสิ่งเหล่านี้เพื่อให้สันติภาพเกิดขึ้นกับชาวโลก
เริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์นำผู้แสวงบุญไปฮัจญ์
วันเดียวกัน ที่อาคารอเนกประสงค์ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีพิธีส่งผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2555 ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ซึ่งเป็นเที่ยวบินตรงจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ไปยังท่าอากาศยานเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมี นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธาน พร้อมด้วย นายอดินันท์ ปากบารา รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้แทนของจุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการอิสลามจากห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ และตัวแทนจากบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ มีผู้แสวงบุญทั้งหมด 295 คน โดยมีบรรดาญาติของผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ไปรอส่งกันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
นายอดินันท์ กล่าวว่า เทศกาลฮัจญ์ปีนี้ ประเทศไทยได้รับโควต้าเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 13,000 คน แต่มีผู้ยี่นความประสงค์มากกว่า 19,000 คน จึงทำให้มีผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ได้จำนวน 8,000 คน
สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์นั้น ทางบริษัทการบินไทยได้จัดเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำจากหาดใหญ่ ภูเก็ต และกระบี่ บินตรงสู่นครเจดดาห์ ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับจำนวน 42 เที่ยวบิน เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.ไปจนถึงวันที่ 21 ก.ย.2555 จำนวน 21 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ถึงท่าอากาศยานเจดดาห์ จำนวน 19 เที่ยวบิน เที่ยวบินจากท่าอากาศยานภูเก็ตถึงท่าอากาศยานเจดดาห์ จำนวน 1 เที่ยวบิน และจากท่าอากาศยานกระบี่ถึงท่าอากาศยานเจดดาห์ จำนวน 1 เที่ยวบิน ส่วนเที่ยวกลับ จะเริ่มในวันที่ 1 พ.ย.2555 จนถึงวันที่ 14 พ.ย.2555 จำนวน 21 เที่ยวบินเช่นกัน
โดยยอดของผู้โดยสารที่สำรองที่นั่งในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำของการบินไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 6,054 คน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม ขณะเข้าพบนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย (ภาพจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th)
2 บรรยากาศการสัมมนานานาชาติเรื่อง "ศาสนากับกระบวนการสร้างสันติภาพในอาเซียน" วันแรก (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)
3 ผู้แสวงบุญจากชายแดนใต้รอขึ้นเครื่องบินเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย (ภาพโดย สุเมธ ปานเพชร)