35 องค์กรดัน กม.บุหรี่ใหม่ ป้องกันเด็กไทย หวั่นชาวไร่ยาสูบ-รมช.คลังขวาง
35 องค์กรดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบฉบับใหม่ ขยายอายุห้ามขายเด็กต่ำกว่า 20ปี-ห้ามแบ่งขาย-ห้ามโฆษณาทุกสื่อ “หมอประกิต”หวั่นชาวไร่ยาสูบ-รมช.คลังขวาง ชี้ไม่ห้ามปลูกแต่ควบคุมการบริโภค
วันที่ 13 ก.ยน.55 ศ.นพ.ประกิต เวทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบรี่ เปิดเผยต่อกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขจะจัดเวทีรับฟังความเห็นร่างพ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบวันที่ 14 ก.ย. โดยมีชาวไร่ยาสูบและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้นั้น นพ.ประกิต กล่าวว่าตนรู้สึกเป็นห่วงและเชื่อว่าผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดหาก พ.ร.บ.นี้ล้มคือ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ
นพ.ประกิต กล่าวว่า 1 เดือนที่ผ่านมามีความพยายามให้ข้อมูลที่บิดเบือนว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะทำให้ชาวไร่ยาสูบตกงาน และจะมีการห้ามปลูกยาสูบภายใน 5 ปี ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะไม่มีมาตราใดที่กล่าวถึงการปลูกยาสูบเลย และจุดมุ่งหมายของร่าง พ.ร.บ.นี้คือการควบคุมการตลาดของผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อป้องกันเด็กไทยไม่ให้ติดบุหรี่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายปัจจุบันให้เข้มขึ้น เช่น ห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีจากปัจจุบันกำหนดที่อายุ 18 ปี รวมถึงการเพิ่มมาตราต่างๆตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบโลกที่ไทยร่วมเป็นภาคีกับอีก 175 ประเทศและต้องทำตามพันธกรณี
“ชาวไร่ยาสูบเกรงว่าคนไทยจะเลิกบุหรี่กันหมดหลังจาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ออกมาตามคำยุยงของบริษัทบุหรี่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะบุหรี่เป็นสินค้าที่มีอำนาจเสพติดสูงมาก แม้ไทยจะมีกฎหมายและมาตรการควบคุมมากว่า 25ปี แต่จำนวนคนสูบบุหรี่ปี พ.ศ.2554 ยังอยู่ที่ 13 ล้านคน เกือบไม่ได้ลดลงจาก 20 ปีก่อนคือ 2534 สูบ 12 ล้านคนเศษ ที่สำคัญปริมาณบุหรี่ที่ผลิตออกมาขายก็ไม่ได้ลดลงยังคงอยู่ที่ 2,000 ล้านซองต่อปี ที่เป็นเช่นนี้เพราะแม้อัตราการสูบบุหรี่จะลดลงแต่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น หากไม่มีการรณรงค์ไม่มีกฎหมายมาตรการต่างๆ จำนวนผู้สูบบุหรี่จะมีมากถึง 17 ล้านคน” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
นพ.ประกิต กล่าวอีกว่าโรงงานยาสูบกลัวจะเสียส่วนแบ่งการตลาดให้บุหรี่นอกที่สามารถขายในราคาใกล้เคียงบุหรี่ไทยเพราะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าตามข้อตกลงอาฟตาถ้ากฎหมายนี้ถูกล้มหรือถูกตัดบางมาตราออก ดังนั้นกฎหมายใหม่ที่กำหนดมาตรการควบคุมการตลาดที่เข้มข้นขึ้น จะทำให้โรงงานยาสูบสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดแก่บุหรี่นอกช้าลง ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทฟิลลิปมอริสไทยแลนด์ได้สนับสนุนสมาคมการค้ายาสูบไทยซึ่งมีสมาชิกเป็นร้านค้าปลีกให้ออกมาคัดค้านบางมาตรากฎหมาย
“ขอวิงวอนผู้มีอำนาจให้ศึกษาข้อมูลดีๆอย่าไปตกหลุมบริษัทบุหรี่ ผลเสียไม่เฉพาะจะเกิดกับเด็กไทย แต่ไทยจะเสียหน้าไปทั่วโลกว่าไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบ”
ทั้งนี้ข้อมูลจากกรมสรรพสามิตระบุปี 2553 ประเทศไทยมีชาวไร่ยาสูบ 61,056 ราย ผลิตใบยาได้ 62,448,781 กิโลกรัม โดยร้อยละ 64.8 เป็นใบยาสำหรับส่งออก และร้อยละ 35.2 รับซื้อโดยโรงงานยาสูบไทย
ด้าน ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เปิดเผยว่า 35 ภาคีเครือข่ายด้านการควบคุมบริโภคยาสูบ และภาคีสุขภาพกว่า 900 คน ได้ร่วมประกาศปฏิญญาสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ พ.ศ. ... เพราะธุรกิจยาสูบมีกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆล่อลูกค้าอย่างไม่ลดละ และที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือมุ่งเน้นลูกค้าใหม่คือกลุ่มเยาวชนและสตรี จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รัฐบาลต้องถือว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้พระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบฉบับใหม่” เป็นพันธกิจสำคัญในการปกป้องสุขภาวะคนไทย
“ไทยมีพันธกิจตามที่ร่วมลงนามอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ตั้งแต่ปี 2548 รวมถึงปรับปรุงกฎหมายควบคุมการบริโภคยาสูบให้สอดคล้อง โดยประเด็นที่จะมีการเพิ่มเติมในร่างพ.ร.บ.ฉบับใหม่ เช่น ห้ามขายยาสูบแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขายต่ำกว่าซองละยี่สิบมวนและห้ามแบ่งขายเป็นมวนๆ ห้ามขายและสูบในสถานที่ อาทิ สถานพยาบาล สถานศึกษา ฯลฯ ห้ามโฆษณาในสื่อทุกประเภท และเพิ่มโทษผู้ที่ฝ่าฝืนสูบในเขตปลอดบุหรี่และเจ้าของสถานที่” ศ.พญ.สมศรี กล่าว .
____
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต