เป็นได้แค่เครื่องเล่นเกม! ส.ว. จี้ รบ.ทบทวนจัดซื้อแท็บเล็ตอีก 8 แสนเครื่อง
ส.ว. จี้ รบ.ทบทวนโครงการจัดซื้อแท็บเล็ต 8 พันล. หลังพบปัญหา ‘เครื่องร้อน-ปลั๊กไม่พอ-เด็กถูกไฟช๊อต’ ย้ำชัดไม่ช่วยเด็ก ป.1 ให้อ่านออกเขียนได้
วันที่ 10 กันยายน นายตวง อัณทะไชย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวท้วงติงโครงการแจกแท็บเล็ตฟรีของรัฐบาลว่า ขอให้รัฐบาลทบทวนการตั้งงบประมาณจัดซื้อแท๊บเล็ตจำนวน 800,000 เครื่อง วงเงิน 8,000 ล้านบาทอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้พบว่า โครงการดังกล่าวประสบปัญหาหลายประการ อาทิ โรงเรียนใน จ.ตาก เครื่องเกิดความร้อนพร้อมกันหลายสิบเครื่อง และไม่มีผู้รับผิดชอบเก็บ เนื่องจากเกรงเกิดเหตุระเบิด จนต้องตั้งคณะกรรมการควบคุมแท็บเล็ตไว้กลางสนามฟุตบอล รวมถึงปัญหาปลั๊กไฟฟ้าไม่เพียงพอสำหรับชาร์ตไฟครั้งละ 40-50 ตัว ทำให้บางโรงเรียนต้องหาทางออกด้วยการจัดผ้าป่าหาทุนสำหรับเดินสายไฟเพิ่ม นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่เด็กนักเรียนถูกไฟช๊อตเกิดขึ้นแล้ว
นายตวง กล่าวต่อว่า ต้องการให้รัฐบาลทบทวนแม้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน เพราะแท็บเล็ตดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำหรับเล่นเกมเท่านั้น ไม่สามารถพัฒนาทักษะเด็กให้อ่านออกเขียนได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ขณะเดียวกันการจัดซื้อแท็บเล็ตไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าจะช่วยพัฒนากระบวนการเรียนการสอนหรือเป็นเครื่องมือปฏิรูปการศึกษาเพื่อการเรียนรู้แบบก้าวกระโดดได้อย่างไร และสุดท้ายผู้ที่ต้องรับบาปไม่ใช่ตนหรือรัฐบาลแต่คือนักเรียนทั่วประเทศ
ด้าน น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว. จังหวัดเพชรบุรี กล่าวถึงมหกรรมแจกแท็บเล็ตที่ผ่านมาว่า เป็นการใช้งบประมาณนับพันล้านบาท เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลเท่านั้น และแม้จะมีหลายฝ่าย ออกมาท้วงติงเรื่องผิดสเป็ค ความสมบูรณ์ของเครื่องที่ยังมีปัญหาจิปาถะ แต่รัฐบาลก็ไม่รับฟัง หนำซ้ำหากมีข้าราชการออกมาแสดงความเห็น หรือให้ข้อมูลกลับถูกตำหนิ ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ในกระทรวงออกมาพูดว่าเรื่องไฟดูดเด็กเป็นเรื่องปกตินั้น ตนรับไม่ได้ เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่ควรพูดง่าย ๆ แบบนี้
“ส่วนกรณีที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะจัดซื้อแท็บเล็ตเพิ่มอีกในเดือน พ.ย. นี้เพื่อแจกนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 นั้น ตนขอให้หยุดความคิดนี้ เพราะทางแพทย์ออกมาระบุว่า แท็บเล็ตไม่สามารถเติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ทั้ง 6 ได้ แท็บเล็ตให้เด็กได้แค่สัมผัสกดเท่านั้น ซึ่งทางรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องควรตระหนักในส่วนนี้ให้มาก หากเห็นแก่อนาคตของเด็กไทยควรมีการพัฒนามากกว่านี้ หรือหากเห็นแก่เงินทองมากกว่าอนาคตเด็ก ก็คงต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ส.ว. จังหวัดเพชรบุรี กล่าว