“วิทยา” โชว์นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน โดนใจคนที่สุดใน 19 ประชานิยม รบ.
รมว.สธ. โชว์ผลงานรอบปี ย้ำร่วมจ่าย 30บ.เพิ่มระดับบริการสุขภาพคนไทย ยกเอแบคโพลโชว์โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินครองใจคนที่สุดใน 19 ประชานิยม รบ. เตรียมขยายสิทธิคลุมไตวาย มะเร็ง เอดส์
วันนี้ 7 ก.ย.55 นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงผลงาน “365 วันกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดูแลสุขภาพประชาชน” ว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการดูแลสุขภาพประชาชน ให้ได้รับบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง 48.5 ล้านคนผ่านนโยบายร่วมจ่าย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งมีการพัฒนาบริการให้มีคุณภาพขึ้น
โดยเฉพาะโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉิน ถึงแก่ชีวิต ไม่ถามสิทธิ ใกล้ที่ไหน ไปที่นั่น” ตั้งแต่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนได้รับสิทธิเท่าเทียมกันทั้ง 3 กองทุนฯ( (กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กองทุนประกันสังคม กองทุนสวัสดิการข้าราชการ) สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ 2,638 คน อัตรารอดชีวิตสูงถึงร้อยละ 90.5 โดยเอแบคโพลสำรวจเมื่อ 31 พ.ค.55 พบว่าประชาชนให้คะแนนพึงพอใจอันดับ 1 จาก 19 โครงการเร่งด่วนรัฐบาล
“ก้าวต่อไปจะเดินหน้าขยายสิทธิให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายทุกกองทุนได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม แม้ย้ายสิทธิก็ต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกกองทุนจะต้องได้รับยาต้านไวรัสฯ ที่ระดับค่าซีดีโฟว์ (CD4) หรือค่าภูมิคุ้มกันภายในร่างกายที่ระดับ 350 เนื่องจากหากได้รับยาต้านไวรัสเร็วก็จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยในการป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ซึ่งจะเดินหน้า ต.ค.นี้ นอกจากนี้จะขยายสิทธิผู้ป่วยมะเร็งให้ได้รับการรักษาเท่าเทียมทุกกองทุน ซึ่งจะหารืออีกครั้งภายในปี 56 “
นายวิทยา กล่าวอีกว่า นโยบายร่วมจ่าย 30 บาท ไม่ใช่แค่เก็บเพราะต้องการความมีศักดิ์ศรีเท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ประสงค์จ่ายจะไม่มีศักดิ์ศรี แต่ต้องการพัฒนาการบริการมากกว่า ซึ่งยังช่วยลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลใหญ่ๆ และเพิ่มศักยภาพบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 9,750 แห่ง ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 226 แห่ง พัฒนาศูนย์สุขภาพชุมชนในถิ่นทุรกันดารพื้นที่ป่าเขาอีก 200 แห่ง ให้ผู้ป่วยเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เพิ่มระบบการแพทย์ทางไกล (เทเลเมดิซีน) ให้ประชาชนที่ใช้บริการที่ รพ.สต. ได้พบแพทย์เฉพาะทางผ่านระบบคอมพิวเตอร์ กระจายแพทย์ให้บริการที่ รพ.สต. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทางและค่าเสียโอกาส 4 เท่า
และอีกนโยบายในการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยา คือ โครงการไข่ใหม่แลกยาเก่า ซึ่งเป็นโครงการที่กระตุ้นให้ประชาชนใช้ยาทุกชนิดอย่างเหมาะสมด้วย .