เร่งผลิตหมอแผนไทยในรพ.สต.-ตั้งแบรนด์นวดไทยโกอินเตอร์
สธ.ตั้งเป้าสมุนไพรไทยโกย 3 หมื่นลบ.รับเออีซี เร่งผลิตหมอแผนไทยในรพ.สต. หนุนจดสิทธิบัตรภูมิปัญญาแพทย์พื้นบ้านกันต่างชาติฮุบ
วันที่ 5 ก.ย. 55 ที่อิมแพคอารีน่าเมืองทองธานี นายวิทยา บูรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ว่า สมุนไพรและยาแผนโบราณไทย ทำมูลค่าทางการตลาดได้มากถึง 2 พันล้านบาทในปี 54 และคาดว่าในปี 58 เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะมีมูลค่าถึง 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนพัฒนาแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย 4 เรื่อง ได้แก่ 1. เร่งผลิตแพทย์แผนไทยประจำในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2.พัฒนาโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยต้นแบบโดยจะเปิดให้บริการ 14 แห่ง 3.จัดทำราคากลางยาแผนไทยเพื่อให้เพื่อให้สถานบริการเปิดซื้อเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ 4.เพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักให้ได้ 100 รายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในงานมีการประชุมวิชาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ในหัวข้อ‘นวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก’ โดยนพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า นวดไทยและแพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาอันมีค่าของประเทศ ซึ่งกรมฯได้สนับสนุนให้มีหลักสูตรการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกใน 25 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ปัญหาในขณะนี้คือแพทย์แผนไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายเท่าแพทย์แผนปัจจุบันเนื่องจากการรักษาบางอย่างไม่มีผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างการยอมรับและยกระดับแพทย์แผนไทยให้ได้มาตรฐาน กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯจะเร่งสนับสนุนการศึกษาวิจัยภูมิปัญญาท้องถิ่นทางการแพทย์ต่างๆว่าสามารถรักษาโรคใดได้บ้างเพื่อให้ได้ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยมีสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยเป็นหน่วยงานในการรวบรวมองค์ความรู้ท้องถิ่นเพื่อศึกษาวิจัยต่อไป
ทั้งนี้หลังจากมีการวิจัยศึกษาภูมิปัญญาการแพทย์แล้วจะสนับสนุนให้มีการจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร โดยจะถ่ายทอดให้เอกชนนำองค์ความรู้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ แต่จะต้องจัดสรรผลประโยชน์ให้แก่เจ้าของภูมิปัญญา นักวิจัย กรมการแพทย์แผนไทยฯในฐานะผู้ออกทุนวิจัย โดยจะสอดส่องดูแลและดำเนินการคัดค้านตามกฎหมายในกรณีที่ต่างประเทศนำความรู้หรืองานวิจัยทางการแพทย์พื้นบ้านของไทยไปขึ้นทะเบียนโดยไม่ถูกต้องเพื่อรักษาสิทธิ์ของคนไทย โดยจะส่งเสริมและพัฒนาให้มีการตราสินค้า ‘นวดไทย’ในระดับสากลต่อไป
นอกจากนี้ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) เพื่อขับเคลื่อน ‘นโยบายและยุทธศาสตร์การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก’ ซึ่งจะช่วยพัฒนาการนวดไทยไปในระดับสากลเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบด้วย สำหรับความคืบหน้าของร่างพรบ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย พ.ศ.....ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งหากมีการประกาศใช้ก็จะเป็นกฎหมายสำคัญที่ช่วยสร้างมาตรฐานและยกระดับคุณภาพวิชาชีพแพทย์แผนไทยต่อไป
ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล สว.กรุงเทพฯและกรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า การนวดไทยมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลกเพราะใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นเครื่องมือในการนวด แต่สถานการณ์ปัจจุบันพบว่าอาชีพหมอนวดขาดแคลน หรือแม้กระทั่งอาชีพหมอพื้นบ้านก็หาผู้สืบทอดได้ยาก ไทยมีศาสตร์ทางการแพทย์ที่ล้ำค่ามากมายซึ่งสามารถนำไปสร้างให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มาก แต่ที่ผ่านมารัฐบาลกลับไม่ให้ความสนใจและไม่มีวิสัยทัศน์ในด้านนี้ โดยเน้นพัฒนาแต่ด้านอุตสาหกรรมทั้งๆที่ประเทศมีของดีดั้งเดิมอยู่ในมือ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน พม่า เวียดนาม ได้ให้ความสำคัญกับการแพทย์พื้นบ้านมานาน เช่น พม่ามีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนโบราณมากว่า 10 ปีแล้ว
ฉะนั้นจึงอยากให้รัฐบาลให้การสนับสนุนและยกระดับการแพทย์แผนไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยควรส่งเสริมให้มีผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การแพทย์แผนโบราณหรือการนวดให้มากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดภูมิปัญญาไทย และหาช่องทางการตลาดที่เหมาะสมให้ เช่น สนับสนุนให้อาชีพหมอนวดเข้าไปทำงานวงการกีฬา หรือ ตลาดต่างประเทศเป็นต้น โดยผลักดันกฎหมายออกมารองรับ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในงานดังกล่าวยังมีการมอบรางวัลหมอไทยดีเด่นประจำปี 2555 ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลคือ นายสง่า พันธุ์สายศรี อายุ 84 ปี จากอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา หมอพื้นบ้านรักษาอัมพฤกษ์ อัมพาตด้วยการเหยียบเหล็กแดง นอกจากนี้ในงานยังมีหมอพื้นบ้าน 18 องค์กร 100 เครือข่ายทั่วประเทศร่วมแสดงภูมิปัญญาด้วย เช่น หมอเป่ารักษาโรค หมอตอกเส้น หมอย่างไฟ หมอนวดตาบอด และมีสินค้าสมุนไพรต่างๆจำหน่าย โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานคับคั่ง ทั้งนี้มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5-9 ก.ย.55