สสส.-รร.นายร้อยสามพรานส่งนรต. สัมผัสชุมชนหวังเป็นตำรวจดี
สสส.จับมือร.ร.นายร้อยสามพราน-องค์กรชุมชนส่งนศ.ตำรวจสัมผัสสถานพินิจเด็ก หวังสร้างทัศนคติสู่ตำรวจที่ดี เข้าใจชาวบ้าน-ปัญหาชุมชน เด็กวอนไม่เลือกปฏิบัติจับแต่คนจน
วันที่ 4 ก.ย. 55 ร.ร.นายร้อยตำรวจร่วมกับสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเปิดโครงการพัฒนาร.ร.นายร้อยตำรวจสู่องค์กรสร้างเสริมสุขภาพ ณ ร.ร.นายร้อยตำรวจ สามพราน
พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ผบช.รร.นรต.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนาหลักสูตรนรต.สัมผัสปัญหาชุมชนเริ่มขึ้นตามดำริของอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ให้ไว้ต่อรร.นรต.เมื่อคราวประชุมสภาการศึกษาครั้งที่ 1 ประจำปีการศึกษา 39 เพื่อให้นรต.ตระหนักถึงปัญหาชุมชนซึ่งมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม สิทธิเด็ก ซึ่งเกิดตามการเติบโตของเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างคนในเมืองกับชนบท ครอบครัวจึงประสบปัญหาการเงินถึงขั้นหย่าร้าง จึงได้ร่วมกับสำนักงานเเผนงานและงบประมาณ เครือข่ายองค์กรเพื่อเด็กเร่ร่อน 13 องค์กร จัดตั้งหลักสูตรดังกล่าวขึ้นสำเร็จโดยบรรจุในหลักสูตรนรต. พ.ศ.2549 มีผลบังคับใช้พ.ศ. 2551 โดยได้ดำเนินการร่วมกับองค์กร ชุมชน สถานสงเคราะห์ มูลนิธิ ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดส่งนรต.ปี 3 จำนวน 284 คน ลงพื้นที่สัมผัสปัญหาชุมชนในองค์กร 40 แห่งทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่วันที่ 4-18 ก.ย. 55 เช่น สถานีสัญชาติ ครูข้างถนน สถานสงเคราะห์คนชรานครปฐม
“คาดหวังให้นรต. เข้าใจปัญหาที่เป็นสถานการณ์สภาพจริงในชุมชนและแก้ปัญหาได้ เช่น เมื่อพบเด็กถูกนำมาทิ้งจะรู้ว่าต้องนำเด็กไปไว้ที่ไหน ติดต่อองค์กรให้ความช่วยเหลือได้อย่างไร เพื่ออนาคตจะได้เป็นตำรวจรับใช้ประชาชนที่เข้าใจปัญหาท้องถิ่นนั้น ๆ ได้ดี”
ผบช.รร.นรต. กล่าวให้ความเชื่อมั่นว่าหากใครผ่านหลักสูตรดังกล่าวจะไม่พบปัญหาการทำลายภาพลักษณ์หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ตรงตามกรอบกฎหมายแน่นอน ทั้งนี้รวมถึงกรณีการจับกุมเด็กและเยาวชนแล้วนำภาพสวมโม่งหรือใส่แว่นตาเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน ซึ่งตำรวจทุกคนทราบดีว่าผิดกฎหมายว่าด้วยการละเมิดสิทธิเด็ก
นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผอ.สสส. เปิดเผยว่า โรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมีหลักสูตรนรต.สัมผัสปัญหาชุมชนรองรับอยู่แล้ว สสส.เพียงเพิ่มเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพใจ การเข้าสังคม และจิตอาสา เพื่อให้นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ‘เข้าใจ’ และ ‘เข้าถึง’ เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างเป็นธรรมมากขึ้น มิใช่ดูแลประชาชนตามคำบังคับบัญชาตามธรรมเนียมตำรวจที่เคยศึกษามา
“เราเคยขับเคลื่อนโครงการกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่น แม่โจ้ เชียงใหม่ ซึ่งได้รับความสำเร็จที่ดี จึงสานต่อโครงการกับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพราะเห็นว่าอนาคตจะมีความใกล้ชิดกับชุมชนมากกว่าทหาร 3 เหล่าทัพที่เน้นหนักด้านเทคนิค เพื่อให้รู้จักสัมผัสชีวิตคนมากขึ้นและพัฒนาศักยภาพการทำงานในอนาคตได้” ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็กฯ กล่าว
ด้านนายอำพันธ์ นิโรธร หัวหน้าสถานแรกรับเด็ก สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นครปฐม กล่าวว่า ปัจจุบันสถานพินิจฯ ดูแลเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดแบ่งเป็นฝ่ายสถานแรกรับ คดี กิจกรรมชุมชน และบริหารงานทั่วไป โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือคดีไม่รุนแรงมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเด็กและเยาวชนต้องไม่เคยกระทำผิดมาก่อนจะได้รับการปล่อยตัวสู่สังคมและได้รับโอกาสที่ดี โดยไม่ต้องเข้าศูนย์ฝึกอบรมเพื่อบำบัดฟื้นฟู
ส่วนกรณีโรงเรียนนายร้อยตำรวจออกหลักสูตร นรต.สัมผัสปัญหาชุมชนนั้น เห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีและสามารถสร้างศักยภาพความรู้ความเข้าใจสภาพสังคมในชุมชนและการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม จนนำไปสู่การป้องปราม ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอาชญากรได้
ขณะที่ด.ช.เอ (นามสมมติ) ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชาย (บ้านกาญจนาภิเษก) กล่าวว่า การส่งนรต.ลงพื้นที่ดูแลองค์กรต่าง ๆ นั้นเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เกิดความเข้าใจในตนเองและเพื่อน ๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วตนมิได้ต้องการกระทำความผิด แต่เพราะปัจจัยแวดล้อมที่บังคับและไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจึงทำให้ต้องหาทางออกด้วยตนเอง โดยกิจกรรมที่อยากร่วมมือมากที่สุด คือ การเล่นกีฬา เพราะนอกจากความสามัคคีแล้วยังผ่อนคลายความเครียดได้ ทั้งนี้ฝากถึงตำรวจไทยทุกคนให้ปฏิบัติหน้าที่ตามบรรทัดฐานความเท่าเทียมทางกฎหมาย โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าคนจนเท่านั้นที่ผิดแล้วต้องติดคุก