“นายกฯปู” ดันไทยเป็นศูนย์กลางเมดิคัลฮับ หวัง 5 ปีโกยเงินเข้าประเทศ 8 แสนล้านบาท
“ยิ่งลักษณ์” เปิดไทยแลนด์เมดิคัลฮับ พร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก “วิทยา” หวังอีก 5ปีโกยเงินเข้า 8 แสนล้าน เผย รพ.ไทยได้มาตรฐานมากสุดในเอเชีย โชว์นวดไทย 641 คู่บันทึกกินเนสบุ๊ค
วันที่ 30 ส.ค.55 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน “มหกรรมศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 2012(ไทยแลนด์เมดิคัลฮับเอ็กซ์โป 2012) ภายใต้แนวคิดประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการดูแลสุขภาพระดับโลก และรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 และการเปิดเสรีทางการค้าโลกว่าเมดิคัลฮับเป็นหนึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ สธ.ได้บูรณาการทำงานเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนจนประสบผลสำเร็จ รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ให้คนไทยทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพโดยเฉพาะโครงการ 30 บาทที่ประสบผลสำเร็จและได้รับการยอมรับจากต่างชาติหลายประเทศนำไปเป็นต้นแบบ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังสนับสนุนให้มีการพัฒนาศูนย์รักษาพยาบาลระดับเชี่ยวชาญครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพใกล้บ้าน และสนับสนุนการบริการเฉพาะทาง เช่น การรักษาโรคหัวใจ ผ่าตัดศัลยกรรม บริการความงาม เป็นที่ยอมรับของนานาชาติที่นิยมเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล สร้างรายได้ให้ประเทศ และภายใน 3 ปีนี้ไทยจำเป็นต้องเตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งธุรกิจบริการสุขภาพเป็นสาขาหนึ่งที่รัฐบาลเร่งรัดพัฒนาและยกระดับ
นายกฯ กล่าวต่อว่าหลายประเทศสนใจพัฒนาความร่วมมือด้านธุรกิจสุขภาพร่วมกับไทย ซึ่งรัฐบาลได้อำนวยความสะดวกขยายเวลาพำนักให้นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับที่นิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในไทย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ รัฐกาตาร์ รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน และรัฐบาห์เรน จาก 30 วันเป็น 90 วันโดยไม่ต้องทำวีซ่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี รวมทั้งองค์ความรู้ภูมิปัญญาไทย ได้แก่ นวดไทย สมุนไพร และการแพทย์แผนไทยที่นำมาต่อยอด จะส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก มั่นใจว่าจะทำให้นโยบายเมดดิคัลฮับประสบผลสำเร็จ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างงานและอาชีพให้ชาวไทยทั้งประเทศ
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่ารัฐบาลประกาศนโยบายให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ตั้งแต่พ.ศ. 2547 สธ.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ 4 ด้าน 1.บริการการรักษาพยาบาล 2.บริการการส่งเสริมสุขภาพ 3.บริการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก 4.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรให้ได้มาตรฐานจีเอ็มพี (GMP) ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ มีบริการเฉพาะสำหรับชาวต่างชาติ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ต้องรอคิวนาน ราคาเหมาะสม นอกจากนี้ประชาชนในประเทศยังมีสุขภาพดีขึ้นเข้าถึงการบริการสุขภาพได้ง่าย
รมว.สธ.กล่าวต่อว่าปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนของไทยผ่านการรับรองมาตรฐานเจซีไอที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติถึง 22 แห่ง ซึ่งจะมีการให้บริการทำวีซ่าในโรงพยาบาลด้วย จัดว่ามากอันดับ 1ในเอเชีย ทำให้ไทยได้เปรียบประเทศอื่น นอกจากนี้ยังพบว่าบริการสปาและการนวดไทยเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละ 12,813 ล้านบาท มีสปาผ่านเกณฑ์การรับรองของ สธ.แล้ว 1,436 แห่ง และพัฒนาต่อยอดยกระดับมาตรฐานสปาเพื่อสุขภาพในระดับสากล 3 ระดับคือแพลตินัม โกลด์ และซิลเวอร์ ขณะนี้ผ่านการรับรองแล้ว 33 แห่ง โดยมีหมอนวดไทยที่ผ่านการอบรมการนวดเพื่อสุขภาพ 400 ชั่วโมงแล้วเกือบ 50,000 คน
ผลการประเมินเมดดิคัลฮับในปี 2555 มีต่างชาติเดินทางมารักษาในประเทศไทย 2.5 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 121,658 ล้านบาท ต่างชาติที่เข้ามามากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย บริการได้รับความนิยมได้แก่ ศัลยกรรมกระดูก ผ่าตัดโรคหัวใจ ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรม โรคทางเดินอาหาร ตรวจสุขภาพ คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเป็น 800,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ภายในงานมีการสาธิตการนวดไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า โดยหมอนวดไทยที่ผ่านการอบรมและรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ. 641 คู่ เพื่อสร้างสถิติโลกบันทึกในกินเนสบุ๊ค ทั้งจำนวนและนวดพร้อมกันนาน 12 นาที หลังจากที่ประเทศออสเตรเลียเคยสร้างสถิตินวด 263 คู่พร้อมกันเป็นเวลา 5 นาทีเมื่อ พ.ศ. 2553 .