ธ.ก.ส.-กรมสหกรณ์ ชวนเกษตรกรทำประกันชีวิต ปลดหนี้ยามตาย
ธ.ก.ส.-สหประกันชีวิตฯ โหมโรงประกันฯเกษตรกรเบี้ยต่ำ ได้ปันผลผ่านระบบสหกรณ์ยามเป็น-ปลดหนี้ไม่เป็นภาระลูกหลานยามตาย
วันที่ 30 ส.ค. 55 นายจิรเดช วรเพียรกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการประกันชีวิต ระหว่างนายอรุณ เลิศวิไลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานกรรมการ บริษัทสหประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เพื่อร่วมสร้างหลักประกันภัยคุ้มครองชีวิต ทรัพย์สิน รวมทั้งคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เกษตรกร-ลูกค้าธ.ก.ส. และสมาชิกสหกรณ์
นายอรุณ กล่าวว่า บริษัทสหประกันชีวิต จัดตั้งโดยสหกรณ์ไทย โดยมีสหกรณ์ทั่วประเทศทั้งในและนอกภาคการเกษตรจำนวน 2,217 สหกรณ์เป็นผู้ถือหุ้นและมีสหกรณ์การเกษตรเพื่อตลาดลูกค้าธ.ก.ส.(สตก.)ร่วมถือหุ้นด้วย ปัจจุบันลูกค้าเกษตรกรของธ.ก.ส.โดยตรงมีอยู่ประมาน 4.5 ล้านครัวเรือน และลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรฯประมาณ 1.5 ล้านครัวเรือน รวมแล้วกว่า 20 ล้านคน ซึ่งความร่วมมือกับบริษัทสหประกันชีวิตครั้งนี้ บริษัทฯได้เปิดบัญชีเงินฝากยอดเงินไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทไว้กับธ.ก.ส.เพื่อเป็นหลักประกันในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนและคุ้มครองครอบคลุมไปถึงภาระสินเชื่อที่เกษตรกรมีกับธนาคาร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เกษตรกรที่มีหนี้สิน นอกจากเป็นการส่งเสริมทางเลือกในการสร้างหลักประกันความมั่นคงให้ชีวิตแล้ว ประกันชีวิตนี้ยังช่วยสนับสนุนกระบวนการสหกรณ์ไทยด้วย
“ธ.ก.ส.สนับสนุนให้เกษตรกรออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต เมื่อเสียชีวิตไป ญาติพี่น้องที่อยู่ข้างหลังจะได้ไม่ต้องรับภาระหนี้ และยังได้เงินส่วนที่เหลือไว้เป็นทุนสร้างตัวต่อไป นอกจากนี้เกษตรกรยังได้ประโยชน์จากเงินปันผลของบริษัทผ่านระบบสหกรณ์ที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ เพราะสหกรณ์ถือหุ้นเป็นเจ้าของในบริษัทฯด้วย” นายอรุณกล่าว
ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า ระบบสหกรณ์ไทยถือเป็นทางรอดของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งมีรายได้ต่ำ ระบบประกันชีวิตจะช่วยให้กระบวนการของสหกรณ์มีความเข้มแข็ง ซึ่งกลุ่มลูกค้าของธ.ก.ส.และกลุ่มลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกันคือเกษตรกร และสมาชิกสหกรณ์ การเสนอบริการประกันชีวิตในครั้งนี้จึงออกแบบมาเพื่อให้บริการเฉพาะเกษตรกร สมาชิกสหกรณ์และลูกค้าของธ.ก.ส.เท่านั้น จึงกำหนดค่าเบี้ยประกันในอัตราต่ำเพื่อให้ลูกค้าสามารถชำระได้โดยไม่เดือดร้อน โดยเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคารให้แก่เกษตรกร ทั้งนี้คาดหวังว่าบริษัทฯจะสามารถเป็นสถาบันการเงินกลางของขบวนการสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภท (ได้แก่ สหกรณ์การเกษตร ประมง นิคม ออมทรัพย์ ร้านค้า บริการและสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน)ต่อไปในอนาคต
นายอรุณกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงานตามโครงการนี้ ธ.ก.ส.จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารต่างๆให้แก่ลูกค้าที่ขอทำประกันชีวิต โดยมิใช่ตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งจะจัดให้มีการประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทปีละอย่างน้อย 1 ครั้งด้วย อย่างไรก็ดี ธ.ก.ส.หวังว่าต่อไปบริษัทฯจะมีโครงการประกันวินาศภัยเพื่อคุ้มครองเกษตรกรด้วย และเป็นไปได้ว่าในอนาคต ธ.ก.ส.อาจมีการร่วมทุนกับบริษัทฯ เนื่องจากต้องการสนับสนุนกระบวนการสหกรณ์ไทยให้ยั่งยืน.