30 รายประมูลข้าว -สยามอินดิก้ายื่นซองซื้อข้าวขาว 5% เหมาหมด 2 แสนตัน
กรมการค้าต่างประเทศ เปิดยื่นซองซื้อข้าวรวม 7.5 แสนตัน เตรียมเปิดซองประกาศผล 30 ส.ค.นี้ ผอ.สำนักค้าข้าวฯ เชื่อเป็นจังหวะดีในการระบาย โรงสีตบเท้าร่วมขอยื่นซื้อเคลียร์โกดังค้างเก่าของตัวเอง
วันที่ 28 สิงหาคม กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 และข้าวเปลือกค้างส่งมอบที่โรงสี รวมปริมาณกว่า 7.5 แสนตัน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและ/หรือส่งออกต่างประเทศ โดยวิธียื่นข้อเสนอราคาซื้อ ต่ออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งรับหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ณ สำนักบริหารการค้าข้าว ชั้น 9 กรมการค้าต่างประเทศ โดยบรรยากาศยื่นซองประมูลในช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา แตกต่างจากช่วงบ่ายที่มีผู้เดินทางมายื่นซองกันคึกคัก
ทั้งนี้ ข้าวสารที่จะจำหน่ายแบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่
1.ข้าวสาร (ข้าวขาว 5%) ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 เพื่อส่งออกต่างประเทศ รวมประมาณ 210,660.90 ตัน
2.ข้าวสาร (ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวปทุมธานี และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ) ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและ/หรือส่งออกต่างประเทศ รวมประมาณ 499,068.51 ตัน
3.ข้าวเปลือกค้างส่งมอบที่โรงสี (ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกเจ้า 5%) ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2548/49, 2549/50, 2550/51 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2550 รวมประมาณ 44,126.26 ตัน
นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการเปิดการประมูลระบายข้าว ครั้งที่ 4 มีข้าวรวมประมาณ 7.5 แสนตัน ช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้ถือว่า เป็นจังหวะที่ดีในการระบาย เพราะข้าวของเวียดนามและอินเดียเริ่มลดลง ราคาข้าวในตลาดโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น
สำหรับเรื่องคุณภาพข้าว นายอัครพงศ์ กล่าวว่า ก่อนการประมูลได้ทำการตรวจคุณภาพเป็นอย่างดี รวมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติของแต่ละโรงสีว่ามีแบ็กลิสต์หรือไม่ หลังจากเสร็จสิ้นการยื่นซอง ขั้นตอนต่อไปกรมการค้าต่างประเทศจะตรวจสอบเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้เสนอราคาแต่ละราย เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหนังสือเชิญชวนฯ และจะมีการเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาทางโทรศัพท์ ในวันที่ 30 สิงหาคม 2555 จากนั้นจะประกาศผลและเสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบในวันที่ 31 สิงหาคม 2555
"ภายหลังปิดกล่องการยื่นซอง ปรากฏว่ามีผู้ที่สนใจเข้ามายื่นซองเสนอราคาทั้งสิ้นประมาณ 30 ราย จำนวน 42 ซอง นับว่าการยื่นซองประมูลครั้งนี้คึกคักกว่าทุกครั้ง คาดว่าจะได้ราคาที่ดีที่สุด เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงท้ายฤดู ข้าวในตลาดเริ่มน้อย อย่างไรก็ตามคาดว่าข้าวหอมมะลิ จะระบายได้ง่ายกว่าข้าวขาว 5%"
นายอัครพงศ์ กล่าวต่อว่า จากนี้จะทยอยระบายข้าวไปเรื่อยๆ จนถึงสิ้นปี โดยใช้วิธีการประมูล รวมทั้งการระบายข้าวผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนด้านเทคนิคพอสมควร ในส่วนการทำจีทูจี ขณะนี้ได้ตกลงสัญญากับประเทศไอเวอรี่โคสต์เป็นที่เรียบร้อยอยู่ในขั้นกำลังดำเนินการจัดส่งมอบข้าวกว่า 2.4 แสนตัน และคาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะได้ทำสัญญากับประเทศอินโดนีเซียและประเทศจีนที่มีกำลังการซื้อเพิ่มขึ้น
ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการที่มายื่นซอง นายไชยศิริ ลีศิริกุล บริษัท เค.ซี. รุ่งเรืองการเกษตร จำกัด และบริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด ผู้ผลิตข้าวถุงบัวทิพย์ ซึ่งทำการส่งออกข้าวทางอเมริกาและทางยุโรปและจำหน่ายในประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นปลายฤดูกาลผลิตข้าวหอมมะลิ ปริมาณข้าวหอมมะลิจะค่อนข้าวออกสู่ตลาดน้อย ทางบริษัทจึงสนใจเข้ามาประมูลเพื่อนำข้าวไปปรับปรุงส่งออกและขายในประเทศ ในปีนี้ยื่นมา 2-3 ครั้ง แต่ที่ผ่านมาคณะกรรมการเห็นว่า ราคายังไม่เหมาะสมจึงมีการยกเลิกโครงการไป อย่างไรก็ตามเห็นว่าการยื่นประมูลครั้งนี้มีสื่อมวลชนมาร่วมติดตามค่อนข้างมากก็คาดว่าน่าจะมีความโปร่งใส การเสนอราคาจะอิงราคาตลาดเป็นเกณฑ์และทอนค่าขนส่ง ค่าปรับปรุงข้าวและค่าใช้จ่ายในการออกหนังสือค้ำประกัน
"ปีนี้ดูแนวโน้มข้าวจะแล้ง โดยเฉพาะทางภาคอีสานข้าวหอมในตลาดอยู่ในเกณฑ์ 32 บาท ส่วนข้าวเปลือกอยู่ในเกณฑ์ 17 บาท แต่การทำตลาดต่างประเทศในปีนี้ขายยากขึ้นมาก ยอดของทางบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคมลดลง 5% ถือว่าค่อนข้างมา เนื่องจากการกำหนดราคาไว้สูง การแข่งขันจึงลำบากมากขึ้น"
ด้านนายกิตติพล มัทวานนท์ โรงสีวานนท์ธันยกิจ จำกัด จ.ชัยภูมิ ซึ่งมายื่นซองประมูลข้าวในคลังของตนเองกว่า 2,000 ตัน กล่าวว่า การมายื่นประมูลซื้อข้าวครั้งนี้ เนื่องจากต้องการระบายข้าวที่ค้างอยู่ในคลังของตนเองจากการรับฝากข้าวในโครงการจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2548
"ตอนนี้อยากให้ขั้นตอนมันเสร็จสิ้น เคลียร์โกดังให้ว่าง จะได้กลับไปทำการค้าอย่างปกติ ที่ผ่านมากว่า 71 เดือนค่าเช่าโกดังเก็บข้าวยังไม่ได้รับ หากนานกว่านี้เกรงจะตายก่อนได้ คุณภาพข้าวในขณะนี้เสื่อมไปแล้ว มีกลิ่นเหม็นสาบและมีสีที่เปลี่ยนไป หากนำไปสีก็คงไม่ผ่านเกณฑ์แล้ว"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริษัทที่มายื่นซองประมูลในวันนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น ค่อนข้างหลากหลาย อาทิ บริษัท ข้าวซี.พี.จำกัด, บริษัท พงษ์ลาภ, ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีพงษ์เจริญ, บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด, บริษัท เอเชีย โกลเด้น ไรซ จำกัด, บริษัท โรงสีเอกไรซ์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด นำแสงค้าข้าว, บริษัท ไทยฟ้า (2551) จำกัด และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งส่วนใหญ่จะมายื่นประมูลข้าวในหลักพันตัน มีเพียงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่พบว่า ยื่นประมูลเฉพาะข้าวสารขาว 5% ในจำนวนข้าวที่มีทั้งหมด (210,660.90 ตัน) โดยที่ผู้แทนมายื่นเอกสารให้ข้อมูลว่าบริษัทเน้นการส่งออกจึงสนใจเฉพาะข้าวสารขาว 5% เนื่องจากมีตลาดอยู่ในโซนแอฟริกา