'บัณฑูร' กระตุกนักธุรกิจขยับ รับ ‘เงินหยวน’ เพื่อการค้าขาย
บัณฑูร ล่ำซำ ชี้กระแสมาแล้ว แต่น้ำยังไม่มา แนะจับตาจีนกับโลก บอกไม่เกิน 15 ปี เศรษฐกิจพี่ใหญ่ โตแซงหน้าสหรัฐฯ เชื่อพลังที่ซ่อนไว้ มีความเป็นไป เงินหยวน จะเป็นเงินของโลก
วันที่ 25 สิงหาคม นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานการนำเสนอผลการวิจัยแห่งชาติ 2555 (Thailand Research Expo 2012) จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ กรุงเทพ ถึงยุทธศาสตร์เงินบาท-หยวน และกรอบความคิดเงินหยวนเพื่อการค้าขาย
นายบัณฑูร กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการขยับในเรื่องของความคิดเงินหยวนเพื่อการค้าขาย มาเป็นลำดับ เช่น มีการทดลองโปรแกรมนำร่องที่จะค้าขายกับผู้ประกอบการจีนบางราย ที่รัฐบาลจีนกำหนดแล้วให้สามารถค้าขายกับต่างชาติเป็นเงินหยวนได้ หรือสัญญาซื้อขายสินค้าโค้ดเป็นเงินหยวนได้ หรือแม้กระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ระบบการค้าขายเงินระหว่างประเทศจะมีราคาเงินหยวน-บาท โค้ดอยู่ แต่ไม่มีการทำธุรกรรม และล่าสุด ปีนี้ ก็มีการตั้งทีมศึกษาทดลองการใช้เงินบาท-หยวนเพื่อการค้า ใน 3 ธนาคาร เป็นต้น
"กระแสมาแล้ว แต่น้ำยังไม่มา เหมือนการค้าขายโดยใช้เงินหยวน จำเป็นต้องมีเวลา แต่สิ่งสำคัญมากที่สุดขณะนี้ สำหรับผู้ประกอบการ นักธุรกิจไทย คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ สามารถค้าขายด้วยสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธ.กสิกรไทย กล่าว และว่า เปอร์เซนต์การค้าขายของไทยกับโลกนั้น จะใช้เป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ ถึง 80% เงินเยน 7% เงินบาท 6% ขณะที่เงินยูโรนิดเดียว เงินหยวนแทบไม่ต้องพูดถึง แค่ 0.04% อีกทั้งส่วนใหญ่จีนใช้เงินหยวนในเรื่องของการลงทุนมากกว่าซื้อขายสินค้า
ส่วนกรณีที่มีการพูดกันมากว่า ขอให้จีนนำเงินหยวนขึ้นมาค้าขาย หรือบ้างก็มีคำถาม เงินหยวนจะอยู่ตรงไหนในอนาคตของเวทีการค้าโลก นายบัณฑูร กล่าวว่า ปัจจุบันการค้าโลก ทำอยู่ 2 สกุลเงิน คือ ดอลล่าร์สหรัฐฯ คิดเป็น 40% และเงินยูโร 20% หากรวมเงินเยนเข้าไป ก็เกิน 2 ใน 3 ของการค้าโลก จะเห็นว่า การค้าระหว่างประเทศ เงินหยวนไม่ได้อยู่ตรงไหนเลย แทบไม่มีบทบาท เพราะรัฐบาลจีนเดินอย่างระมัดระวัง ไม่ได้เปิดให้เงินหยวนเป็นเงินที่แลกเปลี่ยนกันโดยปกติ ถือเป็นเงินที่ถูกควบคุมอยู่
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธ.กสิกรไทย กล่าวถึงนักการเงินว่า เป็นพวกซาร์ดิส ชอบให้เงินวิ่งไปตามที่ต่างๆ ให้ได้ผลตอบแทนเร็ว ใครไม่เปิดประตู ก็ถอดรองเท้ามาเคาะ เพื่อจะได้ค้าขาย ได้กำไรเร็วๆ ซึ่งเมื่อโลกของการเงินเป็นเช่นนี้ เงินทุนจึงน่ากลัวมากวิ่งพรวดพราด ฉะนั้นเศรษฐกิจที่ไม่มีกรอบกติกากำกับดีๆ สามารถพังลงมาได้
นายบัณฑูร กล่าวถึงอนาคต 10-15 ปีข้างหน้า มีการพยากรณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจจีนจะเจริญเติบโตถึง 22 % ของโลก สหรัฐฯ ตกมาอยู่อันดับสอง ตามด้วยยุโรป ขณะที่หนี้ต่อจีดีพีของจีน ก็ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ยิ่งเมื่อดูเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน มีถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นพลังที่ซ่อนไว้ภายใต้เศรษฐกิจของจีน จึงมีความเป็นไปได้ว่า เงินหยวนน่าจะมีบทบาทมากกว่าเงินประเทศ แต่จะเป็นเงินของโลก
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายบัณฑูร ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีเงินหยวน ควรเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนอย่างเสรีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีนจะพิจารณาว่า สามารถควบคุมสถานการณ์หรือผลกระทบได้หรือไม่ ซึ่งการค้าขายระหว่างไทย-จีน จะเป็นเงินหยวน เงินบาท หรือดอลล่าร์ ก็ได้ ผู้ประกอบ นักธุรกิจไม่ได้เดือดร้อน แต่ขอให้ได้เงิน จะสกุลไหนไม่ว่า ขอให้เปลี่ยนมาเป็นเงินบาท เป็นใช้ได้
"ดังนั้นหยวน-บาท ผมมองว่าเป็นปลายแถว ต้นแถวคือ จีนกับโลก หากจีนอยากมีบทบาท ในโลกของการเงิน เป็นสมาชิก IMF ระดับบนสุด จีนต้องเปิดสกุลเงินของตัวเอง ปัจจุบันนี้โค้ดเป็นเงินสกุลหยวน-บาท ทำได้แต่ธุรกรรมไม่เกิด เครื่องมือบริหารความเสี่ยงก็ไม่มี ต่างจากดอลล่าร์-บาท ปิดความเสี่ยงได้"