ก.พาณิชย์ ยังโชว์สำเร็จจำนำข้าว มั่นใจปีนี้ระบายได้ 8 ล้านตัน
“บุญทรง” ยังโชว์จำนำข้าวสำเร็จ ไม่เสียแชมป์ส่งออกทั้งปริมาณ-ราคา มั่นใจปีนี้ระบายได้ 8 ล้านตัน ยังไม่สรุปยอดขาดทุน แต่รับรองน้อยกว่าประกันรายได้รบ.ก่อน
วันที่ 17 ส.ค. 55 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงถึงโครงการรับจำนำข้าว ว่า ยืนยันว่านโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลประสบความสำเร็จในเรื่องการยกระดับราคาสินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถยกระดับราคาข้าวเปลือกของตลาดในประเทศได้อยู่ที่ระดับ 11,000 บาทต่อตันโดยเฉลี่ย ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ราคาขายข้าวสารส่งออกตั้งแต่เดือนม.ค. – ส.ค. 55 ระดับราคาอยู่ที่ 678 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันสูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งระดับราคาอยู่ที่ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน โดยจำนวนรับจำนำทั้งสิ้นแบ่งเป็นข้าวนาปีประมาณ 6.9 ล้านตัน และข้าวนาปรัง 10 ล้านตัน รวม 16.9 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งนี้รัฐบาลใช้งบประมาณไป 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)สนับสนุนและเป็นเงินที่รัฐบาลกู้ยืมมา โดยโครงการรับจำนำข้าวสามารถกระจายรายได้ไปสู่ชาวนา 2 ล้านครัวเรือน
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า การดำเนินโครงการนี้ทำให้ประเทศไทยเสียตำแหน่งส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกยังไม่อาจสรุปได้ เนื่องจากรัฐบาลยังเหลือระยะเวลาดำเนินโครงการอีก 4 – 5 เดือนในการเร่งส่งออกข้าวตามคำสั่งซื้อ อย่างไรก็ดีมั่นใจว่าตัวเลขการส่งออกข้าวในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 8 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขการส่งออกข้าวโดยเฉลี่ยของประเทศไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่าน (ไม่รวมปี 54 ซึ่งเป็นโครงการประกันรายได้) ยืนยันว่าประเทศไทยยังส่งออกข้าวได้ในปริมาณมากและราคาสูงขึ้น รัฐบาลกำลังเร่งระบายข้าวที่เก็บไว้กว่า 10 ล้านตันผ่านระบบรัฐบาลสู่รัฐบาล (Government to Government - G to G) โดยมั่นใจว่าสิ้นเดือน ส.ค.นี้จะได้รับคำสั่งซื้อข้าวจากอินโดนีเซียไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน และคาดว่าภายในปี 2555 นี้ จะสามารถระบายข้าวได้อีกหลายล้านตัน
สำหรับมูลค่าขาดทุนของโครงการฯที่รัฐบาลต้องแบกรับภาระนั้นยังสรุปไม่ได้ แต่คาดว่าจะอยู่ที่ปีละ 2 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่ปีละ 3 แสนล้านบาทอย่างที่ถูกกล่าวหา โดยมั่นใจว่าเมื่อสิ้นฤดูกาลโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้จะไม่ขาดทุนไปมากกว่าโครงการการประกันรายได้ของรัฐบาลชุดก่อน
ต่อข้อกล่าวหาว่า มีการลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ในโครงการฯกว่า 3 ล้านตันนั้นไม่มีมูลความจริงและเป็นตัวเลขที่เลื่อนลอย โดยยืนยันว่าข้าวทุกเม็ดในโครงการฯเป็นข้าวไทย เนื่องจากเมื่อตรวจสอบการประเมินตัวเลขการส่งออกข้าวของประเทศเพื่อนบ้าน(กัมพูชา พม่าและลาว) โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ ในปี54 แล้ว พบว่าประเทศเพื่อนบ้านมีปริมาณการส่งออกข้าวเพียง 1.3 – 1.4 ล้านตัน และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการลักลอบขนส่งข้าวปริมาณมากเช่นนั้นเข้ามายังประเทศ
นอกจากนี้ฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มรับจำนำข้าวตั้งแต่เดือน ต.ค. 55 เป็นต้นไป จะมีการเพิ่มมาตรการตรวจสอบการชั่งน้ำหนักและวัดความชื้นให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มบุคลากรที่ตรวจสอบ ณ ที่จุดตรวจรับจำนำข้าว โดยให้มีตัวแทนเกษตรกรเพิ่มขึ้นจากจุดละ 1 คนเป็น 3 คน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปประจำจุดละ 1 คน รวมทั้งจะติดตั้งกล้องซีซีทีวีทุกจุดให้เชื่อมสัญญาณมายังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เพื่อให้สามารถตรวจสอบขั้นตอนการรับจำนำข้าวได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยงบประมาณ2.6 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรฤดูกาลหน้าปี 55/56 กระทรวงพาณิชย์จะต้องประชุมร่วมกับคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)ก่อนในสัปดาห์หน้า แล้วจึงเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณในสัปดาห์ต่อไป
ทั้งนี้เมื่อถามถึงผลสำรวจของหอการค้าไทยที่ระบุว่าเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน นายบุญทรงกล่าวว่า ในภาพรวมเกษตรกรยังต้องการให้โครงการฯนี้ดำเนินต่อเพราะเป็นการเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าโครงการฯจะเห็นผลสำเร็จในระยะยาวซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถปลดหนี้ได้
...............................
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : "หอการค้าชี้หนี้นอกระบบชาวนาเพิ่มสูงสุดในรอบ4ปี สวนทางนโยบายจำนำข้าว" http://bit.ly/S6d5W2