แจ้งให้ทราบ
Current Item Layout Template is 'default-thaireform' does not exist
- Please correct this in the URL or in Content Type configuration.
- Using Template Layout: 'default'
สุรเกียรติ์ เตือนอย่าให้ปัญหาใต้ ขัดการรวมตัวอาเซียน ชี้ต้องมีองค์กรกลางแก้
อดีต รองนายกฯ แนะ รบ.ไทยต้องมียุทธศาสตร์ที่เป็นเอกภาพแก้ปัญหาชายแดนใต้ เสนอประชุม ครม.อาเซียน ทุก 2 เดือน หวั่นทะเลจีนใต้ตอใหญ่ขวาง AEC ล่ม
วันที่ 17 สิงหาคม ศ.ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังบรรยายพิเศษในงาน ประชาคมอาเซียนกับการเตรียมความพร้อมของกองทัพเรือ ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ว่า กองทัพเรือมีความสำคัญมากในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพราะอาเซียน มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงในหลากหลายด้าน อาทิ การค้ามนุษย์ สตรี เด็ก ยาเสพติด การขนอาวุธ ค้าของเถื่อน และโจรสลัด และเนื่องจากมีมติทางความมั่นคงค่อนข้างกว้างขวาง การแบ่งงานที่เดิมแบ่งตามกระทรวงคงไม่เพียงพอ
"ใน 1 มิติ มีเป็น 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้น ในเรื่องประชาคมอาเซียนควรแบ่งงานเป็นมิติ เป็นเรื่องๆ มากกว่าเป็นกระทรวง แล้วให้มีเจ้าภาพหลัก โดยอาจให้ระดับรองนายกรัฐมนตรีมานั่งหัวโต๊ะ เพื่อให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง ไม่อย่างนั้นทุกภาคส่วนจะไม่รู้ว่าเรื่องไหนเกี่ยวข้องกับตนเองบ้าง ทั้งนี้ อยากเสนอให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องอาเซียนทุก 2 เดือน พร้อมด้วยภาคเอกชนและหน่วยงานทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อจุดมุ่งหมายในการวางยุทธศาสตร์ที่สามารถเจรจาในระดับอาเซียนได้"
สำหรับปัญหาชายแดนภาคใต้ ศ.ดร.สุรเกียรติ์ กล่าวว่า เป็นปัญหาความขัดแย้งของคนไทย ที่ต้องคลี่คลายด้วยการทำความเข้าใจในสังคม ค่อยเป็นค่อยไป ปัญหาสังคมวัฒนธรรมของภาคใต้จึงเป็นสิ่งที่ต้องพูดคุยกับพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งนี้ ความเข้มแข็งของกองทัพก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องไม่ให้ปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ที่มุ่งเน้นเรื่องความมั่นคงและสังคมวัฒนธรรมโดยตรง
"สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาภาคใต้ คือ ฝ่ายรัฐบาลไทยต้องมียุทธศาสตร์ที่มีเอกภาพ ที่ระบุชัดว่า หากจะมีการหารือ ต้องหารือกับฝ่ายใด ระดับใด และต้องมีองค์กรกลาง (Single Command) เพื่อให้ทุกมิติเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กันได้"
ศ.ดร.สุรเกียรติ์ กล่าวด้วยว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะทำให้กลุ่มประเทศในอาเซียนมีความแน่นแฟ้นขึ้นนั้น น่าจะทำให้ประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย มีเวทีในการพูดคุยและแก้ปัญหาร่วมกัน มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องในประเทศเราเองก็ต้องจัดองคาพยพให้มีเอกภาพและเน้นเรื่องภาษาเป็นสำคัญ ขณะที่เรื่องเขตแดนจะส่งผลกระทบในอาเซียนเป็นอย่างมากเช่นกัน
"โดยเฉพาะคู่ทวิภาคีไทยและกัมพูชา หากไม่สามารถหาทางออกแบบสันติวิธีได้ จะกระทบต่อการเมือง ความมั่นคงและเศรษฐกิจ ซึ่งจะไม่สามารถก้าวไปสู่การค้าเสรี หรือประชาคมอาเซียนได้ พื้นที่สำคัญอีกแห่งที่มีความท้าทายมากที่สุด คือ ทะเลจีนใต้ ที่ให้ความสนใจกันน้อย แต่เห็นแล้วว่ามีการกระทบกระทั่งทางกายภาพ โดยมีจีน และสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจมาร่วมด้วย หากข้อพิพาทนี้เกิดขึ้น อาเซียนจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ปัญหานี้จะหนักยิ่งกว่าไทยและกัมพูชา"