หอการค้าชี้หนี้นอกระบบชาวนาเพิ่มสูงสุดในรอบ4ปี สวนทางนโยบายจำนำข้าว
หอการค้าโพลชี้หนี้นอกระบบชาวนาเพิ่มสูงสุดในรอบ4ปี จำนำข้าวไม่ช่วยแก้ปัญหาหลักหนี้-ต้นทุน กระดูกสันหลัง 80% ไม่อยากให้ลูกสานอาชีพ
วันที่ 16 ส.ค. 55 สภาหอการค้าไทย นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย แถลงผลสำรวจสถานการณ์ชาวนาไทยและทัศนะต่อมาตรฐานการชั่ง ตวง และวัดสินค้าเกษตร จากการสำรวจเกษตรกรทั่วประเทศจำนวน 1,211 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8 – 12 ส.ค. 55 พบว่าปัจจุบันเกษตรกรมีหนี้สินต่อครัวเรือนในปี 54 โดยเฉลี่ย 103,047 บาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 53 ร้อยละ 6.6 ทั้งนี้เป็นหนี้นอกระบบร้อยละ 39.1 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 4 ปี (ปี 51 ภาระหนี้สินนอกระบบร้อยละ 22.2, ปี52 ร้อยละ35.3 และปี53 ร้อยละ 37.7) โดยสาเหตุที่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่กู้หนี้ในระบบ เนื่องจากการกู้หนี้ในระบบล่าช้าไม่ทันเวลาประกอบกับไม่มีหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน
อย่างไรก็ดีเกษตรกรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 60 เห็นว่านโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาลไม่ได้ทำให้กำไรหรือรายได้เพิ่มขึ้นแต่คงอยู่เท่าเดิม โดยมีความกังวลเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมากที่สุด รองลงมามีความกังวลด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อาทิ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงและน้ำมัน และสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 80.5 ไม่ต้องการให้บุตรหลานประกอบอาชีพทำนาเช่นเดียวกับตน เนื่องจากเห็นว่าเป็นอาชีพที่ลำบาก ไม่มีรายได้แน่นอน ผลิตผลขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศทั้งราคาพืชผลก็ผันผวน โดยเกษตรกรในภาคกลางมีโอกาสที่จะขายที่นาให้นายทุนมากที่สุด
เมื่อถามถึงนโยบายบัตรเครดิตชาวนา เกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละ 71.5 ทราบว่าบัตรใช้ประโยชน์ใดได้บ้าง โดยร้อยละ 99.2 ระบุว่านำบัตรไปซื้อปุ๋ยและยาฆ่าแมลง อย่างไรก็ดีเกษตรกรส่วนใหญ่ร้อยละร้อยละ 49.3 กลับเห็นว่าบัตรเครดิตชาวนามีประโยชน์แก่ตนน้อย
สำหรับทัศนะต่อความเชื่อมั่นมาตรฐานการชั่ง ตวง วัดสินค้าเกษตรในนโยบายจำนำข้าว พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีหน่วยงานราชการคอยตรวจสอบมาตรฐานการชั่งน้ำหนักและการวัดความชื้นข้าวเปลือกด้วย โดยร้อยละ 93 ไม่เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการเมื่อเกิดความสงสัยในมาตรฐานการชั่ง ตวง วัดสินค้าของผู้ประกอบการ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่รู้จะร้องเรียนกับใคร และกลัวจะขายผลผลิตครั้งต่อไปไม่ได้ ทั้งนี้เกษตรกรต้องการให้รัฐบาลดูแลราคาข้าวให้เหมาะสมและเป็นธรรมและควบคุมราคาต้นทุนการผลิตให้ได้
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผ.อ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า หนี้สินของเกษตรกรเป็นปัญหาเรื้อรังที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข หนี้นอกระบบก็ควรดึงกลับเข้ามาในระบบให้ได้ นอกจากนี้ปัญหาสำคัญที่ควรเร่งแก้ไข คือ ต้นทุนการผลิต ขณะนี้แม้เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนโยบายจำนำข้าว แต่ก็มีภาระต้นทุนสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้ปัญหาหนี้สินยังคงอยู่ อย่างไรก็ดีงบประมาณ 2.6 แสนล้านของโครงการรับจำนำข้าวถือว่ามีมูลค่าสูงมากเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ดังนั้นรัฐบาลควรใช้งบประมาณดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวอย่างตรงจุดและคุ้มค่า
นอกจากนี้รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการดูแลเกษตรกรในระยะยาว เพราะต่อไปประเทศไทยอาจขาดแคลนกระดูกสันหลังของชาติ ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต ทั้งนี้ควรส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อลดการใช้ยาฆ่าแมลงและส่งเสริมการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีพเพื่อให้เกษตรกรอยู่รอดได้
ที่มาภาพ : http://www.learners.in.th/blogs/posts/331720