เผยยาเสพติดเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนยังน่าห่วง ชงรัฐหนุนสภาเด็กจริงจังเป็นภูมิคุ้มกัน
เปิดสถานการณ์ยาเสพติดเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ยังน่าห่วงแม้หมดยุคหน่อคำ นักวิจัยชี้ กม.ตามไม่ทันผู้เสพ-ผู้ค้า เด็กติดเหล้าเพราะผู้ใหญ่ใช้ให้ไปซื้อ ชงรัฐหนุนสภาเด็กและเยาวชนจริงจังสักที
เร็วๆนี้ ศูนย์วิจัยด้านสารเสพติด สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ จัดเสวนา “ขับเคลื่อนชุมชนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในเยาวชน” ณ โรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ โดย ผศ.นพ. อภินันท์ อร่ามรัตน์ หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านสารเสพติด เปิดเผยผลการวิจัยเรื่องการป้องกันการใช้สารเสพติดและการติดเชื้อเอชไอวีในชนบทของไทย โดยเลือกชุมชนนำร่องใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สันกำแพง แม่แตง และสันทราย จ.เชียงใหม่ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2552
โดยสถานการณ์ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มีอาการในเชียงใหม่ถือเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งตั้งแต่ปี 2531–วันที่ 31 มี.ค. 55 พบว่ามีผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อที่มีอาการทั้งหมด 32,022 คน เสียชีวิต 6,200 คน แยกเป็นผู้ป่วยเอดส์ 23,588 คน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 5,488 คน และผู้ติดเชื้อที่มีอาการ 8,434 คน และเสียชีวิตแล้ว 712 คน โดยสาเหตุหลักพบว่าเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กว่า 19,220 คน หรือ 91.9% รองลงมาติดเชื้อจากมารดา 1,164 คน หรือ 5.6 % และจากการใช้สารเสพติด 528 คน หรือ 2.5 %
นายสุรพันธ์ พัฒนพงษ์ คณะทำงานโครงการฮักชุมชน อ.สันกำแพง ระบุว่าเยาวชนในพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเสพติด เพราะขาดการพัฒนาด้านการศึกษา ซึ่งเด็กส่วนใหญ่เรียนไม่จบตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตลอดจนไม่มีที่ปรึกษาที่ดีเวลาเด็กเกิดปัญหา ทำให้ขาดทักษะชีวิต ปฏิเสธเพื่อนไม่เป็น จึงถูกชักชวนไปในทางที่ผิดได้ง่าย
นายสุรพันธ์ กล่าวอีกว่าโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ จะมีมาตรการหรือกิจกรรมหลักคือเน้นให้ครูเป็นที่ปรึกษาแก่เด็กเสมือนพ่อแม่ ปัจจุบันผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 1 มีคำสั่งให้ทุกโรงเรียนใน อ.สันกำแพงนำระบบดังกล่าวไปใช้แล้ว
นายเสถียร ใจคำ คณะทำงานโครงการฮักชุมชน อ.แม่แตง กล่าวว่าแม่แตงมีภูมิประเทศเป็นป่าไม้และภูเขาสูง และมีอาณาเขตติดต่อกับ จ.แม่ฮ่องสอน อีกทั้งมีหลายชาติพันธุ์ จึงทำให้เป็นแหล่งพักและลำเลียงยาเสพติดอีกแห่งหนึ่ง ทั้งนี้พฤติกรรมของผู้ขายและผู้เสพยาเสพติดเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ระบบการปราบปรามหรือกฎหมายบ้านยังตามไม่ทัน จากงานวิจัยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาทำให้ทราบว่าในพื้นที่มีเด็กอายุ 12 ปี เริ่มดื่มสุราเพราะผู้ใหญ่ใช้ให้ไปซื้อ จึงเกิดความอยากรู้อยากลอง และยังพบค่านิยมในหมู่ผู้ดื่มสุราอีกว่ากินยาบ้าแล้วจะทำให้ดื่มได้มากขึ้น จึงทำให้เป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อเยาวชนในท้องที่
นายประมวล โกวิทชัยวิวัฒน์ คณะทำงานโครงการฮักชุมชน อ.สันทราย กล่าวว่าในพื้นที่เป็นแหล่งพักยา และมีจำนวนผู้เสพและผู้ค้าเป็นลำดับต้นๆ ของ จ.เชียงใหม่ เพราะลักษณะของครอบครัวขาดความอบอุ่น จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีเด็กที่เริ่มเสพยาไอซ์แทนยาบ้า เพราะมีความเชื่อว่าทำให้สุขภาพดี และทำให้เคลิ้มกว่ายาบ้า
นายประมวล กล่าวอีกว่า อ.สันทราย มีสภาเด็กและเยาวชนที่เข้มแข็ง จึงทำให้เด็กสามารถคิดกิจกรรมที่เหมาะสมกับกลุ่มของตนเอง และชักจูงกันเข้ามาทำกิจกรรมที่ห่างไกลยาเสพติดได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนอย่างจากหน่วยงานภาครัฐ การจัดกิจกรรมต่างๆ เด็กต้องเป็นผู้หาทุนเอง
อนึ่ง มีข้อมูลจาก พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งระบุว่าภายหลังจากหมดยุคนายหน่อคำ หัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่แล้ว มีกลุ่มอื่นเข้ามามีอิทธิพลแทน เช่น กลุ่มมหาจ่า และกลุ่มว้า โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังคือ ต.ถ้ำลอด อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน และ ต.กื๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งพักยาที่ต้องเฝ้าระวังอยู่หลายจุดใน จ.เชียงใหม่ ทั้ง ต.กื๊ดช้าง อ.แม่แตง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว และ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง .