"วงสุรา"...อีกหนึ่งพื้นที่เยียวยาไทยพุทธกลางไฟใต้ กับผลร้ายที่อาจคาดไม่ถึง
จำเป็นต้องยอมรับกันว่าผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความอดทนสูงมากในท่ามกลางไฟสู้รบที่ยืดเยื้อยาวนาน หากเด็กคนหนึ่งเกิดและโตมาพร้อมกับสถานการณ์นับจากปี พ.ศ.2547 วันนี้เด็กคนนั้นน่าจะอยู่ชั้น ป.4 แล้ว
สถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สร้างความเครียดสะสมให้กับผู้คนในพื้นที่จนเกิดอาการหดหู่ หลายคนไม่อยากทำอะไรมากไปกว่ามีชีวิตให้รอดจากอันตรายในแต่ละวัน
วันดีคืนดีคนใกล้ของใครสักคนอาจจากไปอย่างไม่ทันได้กล่าวร่ำลา ไม่ทันได้บอกว่ารักหรือชัง บอกความมุ่งหวังว่าชีวิตของเขาคนนั้นมีความหมายอย่างไร เมื่อเขาตายจากไปแล้ว สิ่งที่เก็บไว้ในใจมีความสำคัญมากแค่ไหน ความตายเป็นสิ่งที่ดับไฟแห่งแรงบันดาลใจของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ดียิ่งนัก...
เด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งสูญเสียพ่อแม่ในสถานการณ์ความไม่สงบ ตัวเขาเองต้องมาจบชีวิตลงก่อนเวลาอันควรด้วยอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์เพียง 5 ปีให้หลังจากที่พ่อแม่ของเขาถูกยิงเสียชีวิตในสวนยาง เขาเสียชีวิตขณะที่กำลังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของครอบครัวที่เหลืออยู่ คือ ปู่ ย่า และทวดซึ่งอายุมากแล้ว รวมทั้งน้องชายคนเดียวของเขา
กรณีของเด็กวัยรุ่นคนนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่กเหตุการณ์ความไม่สงบโดยใช้เงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เงินเยียวยาที่ผู้ประสบเหตุการณ์ความไม่สงบได้รับอาจไม่ได้ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น หนำซ้ำมันอาจเป็นดาบสองคม เพราะเงินสามารถซื้อหาความสุขให้กับวัยรุ่นเพื่อทดแทนความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ ความอบอุ่นจากครอบครัวที่สถานการณ์ความรุนแรงได้กระชากจากเขาไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
หลังจากที่พ่อแม่ของมานพถูกยิงเสียชีวิตในปี 2550 หลายหน่วยงานได้ประสานเรื่องทุนความช่วยเหลือต่างๆ นอกจากความสัมพันธ์ในฐานะเครือญาติในชุมชนที่คอยโอบอุ้มเขาไว้ เขายังเป็นหนึ่งในเด็กที่ชอบร่วมกิจกรรมค่ายเยาวชนในชื่อ "กลุ่มรักษ์กูนุงนอกชาน" และ "เครือข่ายรักษ์ป่าบูโด" ซึ่งเป็นเครือข่ายกิจกรรมเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับการศึกษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่
เมื่อพ่อแม่ของมานพเสียชีวิตในช่วงแรกๆ มานพยังแวะเวียนเข้าร่วมกิจกรรมอยู่บ้าง จนกระทั่งเขาเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มคบหาเพื่อนรุ่นพี่เที่ยวเตร่และตั้งวงสุราตามประสาคนไทยพุทธทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัวอย่างของครอบครัวมานพเป็นหนึ่งในผลกระทบระยะยาวของผู้สูญเสีย แม้ความสูญเสียเกิดขึ้นได้กับผู้คนในพื้นที่ทั้งพุทธและมุสลิม แต่วิถีที่แตกต่างคือความเปราะบางของสังคมคนพุทธในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
จากสถานการณ์ที่ตึงเครียด ความหวาดกลัว ความหวาดระแวง ทางออกหนึ่งที่ผู้คนในสังคมเลือกใช้คือการ "ตั้งวงสุรา" เพื่อสนทนาพูดคุย ซึ่งช่วยลดความกดดันในการดำเนินชีวิตท่ามกลางความเสี่ยงในแต่ละวัน โดยเฉพาะชาวสวนยางที่ต้องเสี่ยงชีวิตออกไปทำงานในทุกเช้ามืดของวันที่กรีดยางได้
วงจรหนึ่งของความรุนแรงที่ซ้อนอยู่ในวงอันซับซ้อนอีกหลายวง คือเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบในสถานการณ์ความรุนแรงมีแนวโน้มพึ่งพาสิ่งเสพติด เพื่อกล่อมความรู้สึกซึมเศร้าจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
ความเครียดจากสถานการณ์เป็นสาเหตุหนึ่งของการดื่มสุรามากขึ้น อุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการดื่มมีสูงขึ้น เพราะการขับขี่ในยามค่ำคืนในพื้นที่ห่างไกลไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงกฎจราจรมากนัก สังคมโดยรวมในพื้นที่เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกัลสิ่งที่เกิดขึ้น ความเครียดหลังจากการดื่มสุรายังถูกระบายออกด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้า และเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง พื้นที่ในวงสุรายังเป็นพื้นที่กระจายข่าวลือที่น่ากลัวเรื่องสถานการณ์อีกด้วย
ในความเป็นจริงวัฒนธรรมการตั้งวงสนทนาในอดีต ถือเป็นเครื่องมือในการสานสัมพันธ์ชุมชน "ตวาก" หรือ "น้ำตาลเมา" เป็นเครื่องดื่มหลัก ในช่วง 30 ปีก่อนหน้านี้ชาวบ้านโวนใหญ่รู้วิธีทำ "ตวาก" จากพืชตระกูลปาล์ม เช่น ตาลโตนด มะพร้าว และต้นศกในป่า ในยุคที่การเดินทางยังไม่สะดวกนั้น เหล้าแดงหาซื้อยาก ส่วนเหล้าต้มก็มักต้มกันในโอกาสพิเศษ อาทิ งานแต่งงานหรืองานบวช ทั้งยังต้องลักลอบต้มเพราะกฎหมายสรรพสามิตที่เข้มงวด แต่ในปัจจุบันมีร้านค้าอยู่ในหมู่บ้าน การต้มเหล้าค่อนข้างเปิดเสรี บรรยากาศในวงสุราจึงเปลี่ยนไป
ในขณะที่ผู้ปกครองบางส่วนมีความคิดว่าวงสุราคือพื้นที่การเรียนรู้ หากบุตรหลานร่วมดื่มสุราอยู่ในชุมชน อย่างน้อยก็ยังอยู่ในสายตา พวกเขาสามารถว่ากล่าวตักเตือนในพฤติกรรมที่คิดว่าไม่เหมาะสมหรือผิดขนบธรรมเนียมดั้งเดิมได้ การสอนหลักการใช้ชีวิตอย่างลูกผู้ชาย และสอนทักษะชีวิตต่างๆ เช่น เรื่องยาสมุนไพร คาถาอาคม การล่าสัตว์ การทำเครื่องมือดักจับสัตว์น้ำ เคล็ดลับด้านต่างๆ ในการดำเนินชีวิต การครองรักครองเรือน หรือเรื่องลับเร้น ตลอดจนเรื่องตลกในมุ้ง ถูกบอกเล่าผ่านวงสนทนาลักษณะนี้ทั้งสิ้น และในปัจจุบันประเด็นการพูดคุยส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวจากรายการโทรทัศน์ช่องจานดาวเทียมด้วย
ประเด็นน่าสนใจจากเสียงสะท้อนของผู้ปกครองไทยพุทธที่มีบุตรหลานเป็นวัยรุ่น พบว่า การศึกษาที่สูงขึ้นทำให้บุตรหลานพากันอพยพย้ายถิ่นฐาน ระบบเศรษฐกิจแบบใหมที่ทำให้คนรุ่นใหม่ละทิ้งบ้านเกิด แง่มุมของผู้ปกครองชาวพุทธบางส่วนจึงไม่สนับสนุนให้ลูกหลานเรียนหนังสือในระดับที่สูงขึ้น และนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งในการชักจูงเด็กเข้าสู่วงจรของการดื่มสุรา
หากปัญหาอยู่ที่ว่า วงสุราในยุคปัจจุบันต่างจากวงสุราที่เรียนรู้ทักษะชีวิตแบบสมัยก่อน เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกขึ้น การติดต่อสื่อสารก็สะดวกง่ายดายกว่าเดิม อาการที่เรียกว่า "ติดลม" ทำให้ต้องไปต่อที่อื่น หรือออกไปซื้อเครื่องดื่มมาเพิ่ม เช่นเดียวกับกรณีของมานพ เขาออกไปซื้อเครื่องดื่มจากร้านค้าที่ตัวตำบลด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ในเที่ยวกลับเขาขับชนรถสิบล้อที่จอดอยู่ข้างทาง...
และแม้การเสียชีวิตของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความรุนแรงโดยตรง แต่ส่วนหนึ่งมาจากการเลือก "วงสุรา" เป็นเครื่องเยียวยาความเจ็บปวดในชีวิต ความเจ็บปวดที่ไม่อาจมีใครเข้าใจได้ การเสียชีวิตของเขาครั้งนี้ ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่างสรุปว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากอาการมึนเมาของเขาเอง แม้ผู้ใหญ่ในวงอาจพูดแสดงความอาลัยอาวรณ์อยู่ แต่ก็เพียงระยะหนึ่ง และแล้ววงสุราก็จะค่อยๆ พูดถึงเขาน้อยลง
แต่อย่างน้อยบทเรียนจากการจากไปของมานพ ได้ย้อนมาสู่ผู้ใหญ่ในชุมชนโดยตรง ความนิ่งนอนใจทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หลงลืมเรื่องเล็กน้อยหลายๆ เรื่องไป เป็นไปได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ต้องการทางเลือกที่มากกว่าวงสุรา อาทิเช่น พื้นที่ทางศิลปะ วรรณกรรม ดนตรี หรืองานอดิเรกที่มากกว่าความเมามายเพื่อให้ลืมความทุกข์ที่ฝังอยู่ในใจเพียงชั่วคราว...