ปิดโรงเรียนทั่วสามจังหวัด รัฐลุยส่งกำลัง-อาวุธเพิ่ม เฉลิมนั่ง ผอ.ศปก.กปต.
มติสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้โรงเรียนในพื้นที่กว่า 1,200 แห่งปิดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังเกิดเหตุการณ์ครูถูกฆ่าถึงในโรงเรียน ขณะที่ยะลาเริ่มอพยพครูไทยพุทธออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว รัฐเห็นพ้องต้องหาที่พักปลอดภัยให้ครูอยู่รวมกัน ด้านแกนนำครูเตรียมถกนายกฯที่ปัตตานีวันนี้ ฝ่ายความมั่นคงแจงกำลังทหารไม่เพียงพอ จ่อส่งไปเพิ่มพร้อมจัดซื้อยุทโธปกรณ์ล็อตใหม่ โผพลิกตั้ง เฉลิม อยู่บำรุง นั่ง ผอ.ศปก.กปต.
เหตุการณ์ลอบสังหารครูอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 2 รายล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 11 ธ.ค.2555 คือ นางตติยารัตน์ ช่วยแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบาโง ต.ปานัน อ.มายอ จ.ปัตตานี และ นายสมศักดิ์ ขวัญมา ครูโรงเรียนเดียวกัน โดยคนร้ายบุกเข้าไปยิงถึงในโรงเรียนระหว่างนั่งรับประทานอาหารกลางวันกลับเพื่อนครูในโรงอาหารนั้น ได้ทำให้สมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมติให้โรงเรียนกว่า 1,200 แห่งในพื้นที่ ปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราว
วันพุธที่ 12 ธ.ค.2555 สมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกประชุมคณะกรรมการสมาพันธ์และผู้บริหารสถานศึกษาจากทุกเขตพื้นที่การศึกษาเข้าหารือถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยครู โดยภายหลังการประชุม นายสงวน อินทรักษ์ ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส และที่ปรึกษาสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติให้โรงเรียนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 1,200 แห่ง ปิดการเรียนการสอนระหว่าง 13-14 ธ.ค.นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปตรวจสอบและวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ชัดเจนอีกครั้ง และในช่วงที่หยุด 2 วัน จะได้ให้ครูผ่อนคลายความเครียดจากความรู้สึกที่ต้องตกเป็นเป้าหมายของความรุนแรง
นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยะหา อ.ยะหา จ. ยะลา ในฐานะประธานสภาประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ในช่วง 19 วันมีครูไทยพุทธเสียชีวิตจากเหตุลอบทำร้ายถึง 4 รายและบาดเจ็บสาหัส1 ราย ที่สำคัญในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นเป็นสุภาพสตรี 3 ราย จนทำให้ครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่หวาดผวาและตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้นำครูไทยพุทธที่สอนอยู่ในโรงเรียนที่มีความเสี่ยงสูงออกไปปฏิบัติหน้าที่ยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรักษาชีวิตครูแล้ว
นายกฯแจงกำลังพลไม่เพียงพอ
วันเดียวกัน ที่อาคารสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รวมทั้งกะทรวง ทบวง กรมต่างๆ เข้าหารืออย่างพร้อมเพรียง
ภายหลังการประชุมร่วม 3 ชั่วโมง นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำเรื่องการทำงานที่ต้องบูรณาการและมีเอกภาพ เพราะเป็นการทำงานร่วมกันหลายกระทรวงเพื่อให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมทั้งได้พูดคุยกันถึงเรื่องเร่งด่วนคือเรื่องการเร่งจัดสรรงบประมาณลงไป ทั้งส่วนงานพัฒนาและงานด้านความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยครูว่ามีช่องโหว่ตรงจุดใดจนทำให้เกิดเหตุยิงครูถึงในโรงเรียน นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ช่องโหว่คือเรื่องของกำลังคน จึงอนุมัติเห็นชอบให้เพิ่มกำลังในพื้นที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปได้ทัน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงของรอยต่อ
ปลุกพลังผู้นำท้องถิ่นร่วมดูแลครู
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ห้าจังหวัด ประกอบด้วย จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล กำหนดแผนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ โดยเน้นการใช้เครือข่ายชุมชนทั้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่รู้ถึงความต้องการในพื้นที่มากที่สุด เป็นผู้จัดทำแผนงาน
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จะให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลครูแต่ละหมู่บ้าน ตำบล ไม่ใช่ให้เป็นหน้าที่ของทหารเพียงอย่างเดียว
เดินหน้าจัดหาที่พักให้ครูอยู่รวมกัน
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบพื้นที่สีเขียวที่มีความปลอดภัยทั้งหมดร่วมกับ ศอ.บต. ส่วนพื้นที่สีแดงเป็นความรับผิดชอบของ กอ.รมน. นอกจากนั้นในที่ประชุม กปต.นายกฯยังได้พูดถึงแผนระยะสั้นและระยะยาวในการดูแลครูในพื้นที่ ซึ่งแผนระยะยาวจะมีการจัดหาที่พักให้ครูพักรวมกันเพื่อความปลอดภัยด้วย ส่วนแผนระยะสั้นคือการดูแลคุ้มครองครู ต้องมีการกำหนดเวลาเดินทางและการเข้า-ออกโรงเรียนที่ชัดเจน
ตั้งเฉลิมนั่ง ผอ.ศปก.กปต.
ด้าน นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม กปต.ได้ข้อตกลงเบื้องต้น คือ การตั้งคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.) ขึ้นเพื่อบูรณาการงานและหน่วยงานทั้งหมด โดยมอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)) รับผิดชอบเป็นฝ่ายเลขานุการของศูนย์ และมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กปต.เป็น ผอ.ศปก.กปต. โดยจะให้มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ปรารภไว้
สำหรับในวันพฤหัสบดีที่ 13 ธ.ค. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะไปพบกับตัวแทนของครูและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะนายกฯให้ความสำคัญเรื่องเรื่องขวัญกำลังใจของครู และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อนำกลับมาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง การตั้งให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้อำนวยการ ศปก.กปต. ถือว่าพลิกความคาดหมาย จากเดิมที่ สมช.เสนอโครงสร้างและมีการคาดการณ์กันว่านายกรัฐมนตรีจะนั่งเป็นผู้อำนวยการ ศปก.กปต.ด้วยตัวเอง เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแสดงท่าทีไม่เต็มใจในการรับผิดชอบงานเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบที่ปลายด้ามขวาน
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์กันว่า สาเหตุที่นายกฯมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้อำนวยการ ศปก.กปต.นั้น ก็เนื่องจากเป็นงานขับเคลื่อนกึ่งปฏิบัติเพื่อประสานงานและรับฟังประเด็นปัญหาระหว่างหน่วยงานในพื้นที่กับกระทรวง ทบวง กรมในส่วนกลาง แล้วส่งประเด็นให้ กปต. หรือคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานอยู่แล้ว ขณะที่นายกฯได้แก้ไขคำสั่งให้ตนเองนั่งเป็นประธาน กปต.แทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่ถูกปรับพ้นคณะรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเท่ากับนายกรัฐมนตรีเป็นคนคุมนโยบายการแก้ไขปัญหาทั้งหมด
แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ศปก.กปต.นั้น จะมีเลขาธิการ สมช.เป็นผู้ประสานงานทางธุรการทั้งหมด ฉะนั้นการไม่เดินทางลงพื้นที่ของ ร.ต.อ.เฉลิม จึงไม่มีผลใดๆ ต่อการทำงาน เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม มีหน้าที่เรียกประชุมหน่วยงานเพื่อรับฟังปัญหาจากการขับเคลื่อนนโยบายและการปฏิบัติ จากนั้นก็ส่งให้ กปต.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อพิจารณาตัดสินใจ
เปิดกำหนดการนายกฯล่องใต้
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายกฯยิ่งลักษณ์นั้น มีกำหนดการคร่าวๆ ดังนี้ เวลา 10.00 น.เดินทางถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จากนั้นเดินทางต่อไปยังศาลากลางจังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะกับแกนนำครูและกลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาความไม่สงบ เพื่อรับฟังความคิดเห็น
ต่อจากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น.นายกฯจะเดินทางไปยังโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี เพื่อพบปะและประชุมร่วมกับแกนนำสตรีที่ร่วมโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของรัฐบาล เสร็จแล้วเวลาประมาณ 14.30 น.จะเดินทางไปเปิดทางหลวงหมายเลข 409 ช่วงที่ก่อสร้างใหม่ คือช่วงสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันเดียวกัน
อนึ่ง การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ หนนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2555 หลังดำรงตำแหน่งนายกฯนานเกือบ 9 เดือน แต่ภารกิจทั้งหมดอยู่เฉพาะในค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ส่วนครั้งที่ 2 นายกฯลงพื้นที่เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2555 โดยภารกิจทั้งหมดอยู่ในศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเต็มพิกัดทั้ง 2 ครั้ง
เล็งของบจัดซื้อยุทโธปกรณ์เสริม
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า เรื่องการดูแลความปลอดภัยโดยเฉพาะพื้นที่ล่อแหลม จะให้ กอ.รมน.เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่ง กอ.รมน.ได้กำหนดจุดแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย ซึ่งมีไม่ถึง10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งสามจังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.นราธิวาส
นอกจากนั้นยังได้เตรียมของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริม แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตัวเลข เนื่องจากอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบมีเป้าหมายหลักทำลายเจ้าหน้าที่ ไม่เฉพาะครู แต่เป็นคนที่มีการระวังป้องกันตนเองต่ำ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่วันนี้ยังดำเนินการไม่ได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องกำลังทหารไม่เพียงพอ เพราะพื้นที่ภาคใต้กว้างขวาง ซึ่งถ้าไม่เพียงพอก็ต้องผลิตเพิ่ม
สำหรับการรักษาความปลอดภัยครูจะต้องช่วยกัน และรักษากฎกติกา เมื่อครูเป็นเป้าหมายหลักจึงจำเป็นต้องระวังตัวให้มากที่สุด หากไม่ต้องการให้ทหารเข้าไปดูแลจะทำให้เกิดเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งบางโรงเรียนไม่ต้องการให้ทหารเข้าไปใกล้ๆ ครู ทหารจึงต้องเข้าไปอยู่ในป่าแทน ซึ่งต่อไปนี้จะต้องมีกำลังท้องถิ่นเข้าไปดูแลประจำเรียกว่า กำลังประจำถิ่น เพื่อเข้าไปทดแทนทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจอื่น
รวบผู้ต้องสงสัยถล่มร้านน้ำชา
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงร้านน้ำชาที่บ้านดามาบูเวาะห์ หมู่ 1 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จนมีชาวบ้านเสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บอีก 4 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 11 ธ.ค.นั้น
ล่าสุดหลังจากฝ่ายความมั่นคงได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และทหารพรานเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยหลายจุดใน อ.ระแงะ ปรากฏว่าสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย คือ นายซาวาวี ปูเต๊ะ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดีปล้นรถกระบะบรรทุกไอศกรีม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปสอบสวนขยายผลว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุยิงถล่มร้านน้ำชาหรือไม่
ยูนิเซฟประณามกระทำรุนแรงต่อเด็ก
สำหรับเหตุการณ์กราดยิงร้านน้ำชาที่ ต.ตันหยงลิมอ ครั้งนี้ มีเด็กวัยเพียง 11 เดือนถูกกระสุนปืนเสียชีวิตด้วย ทำให้ นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมกันทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งการกระทำรุนแรงกับเด็กทุกคน
ยิงรายวันเจ็บ-ตายหลายพื้นที่
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่อเวลา 07.20 น.วันพุธที่ 12 ธ.ค.เจ้าหน้าที่พบศพ อับดุลอาฟิด สือหนิ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/3 บ้านสะบือแร หมู่ 4 ต.บือเระ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ถูกทิ้งอยู่บนถนนสายยะลา-บ้านเนียง ท้องที่บ้านถ้ำเหนือ หมู่ 4 ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดบริเวณลำตัว 3 นัด มีรถจักรยานยนต์ซึ่งคาดว่าเป็นของผู้ตายล้มทับร่างอยู่ด้วย สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าได้ยินเสียงปืนดังช่วงเวลา 01.30 น.แต่ไม่มีใครกล้าออกมาดู เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 05.00 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิง นายคำภา บุญเสนา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/3 ถนนประชาภิวัฒน์ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขณะขับรถบรรทุกสิบล้อที่บรรทุกไม้ยางพารามาเต็มคันรถจากโรงงานรับซื้อไม้ยางพารา บ้านโคกสยา หมู่ 5 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อไปส่งยังที่หมาย โดยจุดเกิดอยู่บนถนนสายสุไหงปาดี-สุไหงโก-ลก ท้องที่บ้านกูวา หมู่ 5 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี โชคดีที่ นายคำภา รอดจากคมกระสุน และได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกเศษกระจกรถบาดเท่านั้น เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 11.00 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง นายธีรพงษ์ จ่าน้อย อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146 บ้านตาเซ๊ะ หมู่ 2 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนสายชนบทบ้านตาเซ๊ะ ขณะที่ นายธีรพงษ์ กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน โดยมี ด.ช.ณัฐดนัย ขุนพรม อายุ 14 ปีนั่งซ้อนท้าย
กู้ระเบิดเครโมที่สายบุรีดักสังหารชุดลาดตระเวน
ด้านผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เมื่อเวลา 06.30 น.วันพุธที่ 12 ธ.ค.ขณะที่กำลังทหารจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 ออกลาดตระเวนเดินเท้าเพื่อตรวจสอบเส้นทางและรักษาความปลอดภัยครู บนถนนในท้องที่บ้านปายอ ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ปรากฏว่าได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณริมถนน จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบเครโมดัดแปลง บรรจุในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร จึงเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่กำลังติดป้ายต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่หน้าโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี ซึ่งนายกฯจะเดินทางไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในพื้นที่ชายแดนใต้ ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ วันพฤหัสบดีที่ 13 ธ.ค. (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)
ขอบคุณ : ข่าวบางส่วนจากสำนักข่าวเนชั่น