โคกโพธิ์เดือด2วัน4เหตุ7ศพ อส.-ทหารพรานดับ5 แก๊งบึ้มป่วนรับจ้าง500
ใต้เดือด-โคกโพธิ์ระอุ แค่ 2 วันไล่ยิง 4 เหตุ 4 คู่ สังเวย 7 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย เผยเป็นสามีภรรยากัน 2 คู่ ยะหริ่งวุ่นคนร้ายควงอาก้า-เอ็ม16 ยิงถล่ม อส.ดับคาถนน 3 นายพร้อมฉกปืน 4 กระบอกหลบหนี ระแงะซ้ำรอยทหารพรานพลีชีพอีก 2 วัยรุ่นยะลาถูกส่องที่ยะหา 2 ศพ ผู้ว่าฯแถลงข่าวรวบ 2 แนวร่วมวางระเบิดปลอม รับสารภาพได้ค่าจ้างก่อเหตุ 500 บาท ตามรวบแกนนำป่วนใต้คนสำคัญที่รามัน ขณะที่ "สุรพงษ์" เยือนมาเลย์หนุน "เจรจาสันติภาพ"
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียดและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นรายวัน โดยเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไป หลายรายเป็นสามีภรรยากัน และมีถึง 4 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ในห้วง 2 วันที่ผ่านมา
ฆ่าคู่ 4 เหตุโคกโพธิ์ 7 ศพ เจ็บ 1
ล่าสุดเมื่อเวลา 03.10 น.วันอังคารที่ 9 ต.ค.2555 มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดลอบยิง นายพล เพชรซ้อน และ นางนิด เพชรซ้อน สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 313/2 หมู่ 2 บ้านกล้วย ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาสวนยางพาราในท้องที่บ้านทุ่งไพล หมู่ 2 ต.นาประดู่ ขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปกรีดยาง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 11.00 น.วันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง น.ส.ประภาพร สุวรรณโณ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 บ้านหรั่ง หมู่ 7 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ กระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะ เสียชีวิตคาที่ กับ น.ส.ลีลาวดี บุญเลิศ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209 บ้านโคกโพธิ์ หมู่ 4 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ทั้งคู่กำลังขายน้ำมันอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) โดยคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปจอด ทำทีเป็นเติมน้ำมัน แต่เมื่อได้จังหวะก็ชักปืนพกขนาด 9 มม.ออกมายิงใส่ทั้งคู่จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ทั้งนี้ หลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงกระเป๋าเก็บเงินจากการขายน้ำมันของผู้ตายหลบหนีไปด้วย
สำหรับปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ คือ ปั๊มน้ำมันสหกรณ์โคกโพธิ์ ตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ท้องที่บ้านชะเมา หมู่ 2 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์
ก่อนหน้านั้น เวลา 20.00 น.วันจันทร์ที่ 8 ต.ค. คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง นายศุภชัย ช่วยแสน อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สงขลา และ นางศิริขวัญ แสงทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 บ้านนาเกตุ หมู่ 1 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 บริเวณหน้าสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.ปัตตานี บ้านมะกรูด หมู่ 6 ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ ขณะที่ นายศุภชัย ขี่รถจักรยานยนต์จากพื้นที่ ต.นาเกตุ มุ่งหน้าเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ โดยมีนางศิริขวัญนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ค่ำวันเดียวกัน คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.จ่อยิง นายประเสริฐ รัตน์น้อย อายุ 42 ปี อาชีพขายผักสด อยู่บ้านเลขที่ 101 บ้านคลองปอม หมู่ 11 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ เสียชีวิต และ นางบุญชื่น รัตน์น้อย อายุ 40 ปี ภรรยาของนายประเสริฐ เสียชีวิตเช่นกัน เหตุเกิดในท้องที่บ้านนิคมนายโท หมู่ 13 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ขณะที่ทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง (รถโชเล่ย์) กลับจากซื้อผักสดใน อ.เทพา มุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
อนึ่ง อ.โคกโพธิ์ เคยได้ชื่อว่าเป็นอำเภอสันติสุขอำเภอหนึ่งในไม่กี่อำเภอของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีรากฐานชุมชนเข้มแข็ง มีพี่น้องมุสลิม ไทยพุทธ และคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง 3 วัฒนธรรม แต่ภายหลังโดนคนร้ายเจาะเข้าไปก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่บ่อยครั้ง
ประกบยิง อสม.เจาะไอร้อง - ทหารพรานสังเวย 2
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีเหตุฆ่ารายวันอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.30 น.วันอังคารที่ 9 ต.ค.คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นางสือนะ เซ็ง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 263/6 บ้านไอร์ปาแย หมู่ 8 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิต เหตุเกิดในท้องที่บ้านกำปงบารู หมู่ 11 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ขณะนางสือนะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของสามีเพื่อไปกรีดยางพารา
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายเจาะจงยิงนางสือนะ ซึ่งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ไอร์ปาแย เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านโบกรถขอนั่งซ้อนท้ายมาด้วยอีกคนหนึ่ง ทำให้นางสือนะนั่งตรงกลาง มีสามีนั่งหน้าในฐานะคนขับ และชาวบ้านที่โบกรถมาด้วยนั่งท้ายสุด แต่มีนางสือนะคนเดียวที่ถูกคมกระสุนของคนร้าย ตำรวจจึงยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 14.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดประกบยิงอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) เสียชีวิต 2 นาย คือ อส.ทพ.ธนากร กิมจ๋ง และ อส.ทพ.ปิยราช ร่มพฤกษ์ ทั้งคู่สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4511 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 เหตุเกิดขณะที่ อส.ทพ.ทั้งสองนายแต่งกายนอกเครื่องแบบ กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยชุมชน แต่ระหว่างทางในท้องที่บ้านแบแร หมู่ 6 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ถูกคนร้ายใช้รถกระบะเป็นพาหนะดักยิงเสียชีวิตเสียก่อน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รัวกระสุนถล่ม อส.ยะหริ่งดับ 3
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 12.00 น. วันจันทร์ที่ 8 ต.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทองเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และอาก้ายิงถล่มรถของเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี บนถนนสายยะหริ่ง-ราตาปันยัง ท้องที่หมู่ 2 บ้านมูหลง ต.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ อส.เสียชีวิต 3 นาย ประกอบด้วย
1.นายนำ ศักดิ์สองเมือง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 บ้านลุวง หมู่ 4 ต.ตะโละ อ.ยะหริ่ง
2.สุรศักดิ์ ศักดิ์สองเมือง อายุ 27 ปี บุตรชายของนายนำ อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน
3.นายสมศักดิ์ ขุนชุม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 บ้านป่าศรี หมู่ 3 ต.ตะโละ อ.ยะหริ่ง
สอบสวนทราบว่า อส.ทั้ง 3 นายเพิ่งเสร็จจากการประชุมรับนโยบายจากผู้บังคับบัญชา ณ ที่ว่าการอำเภอยะหริ่ง กำลังเดินทางกลับบ้าน โดยมีนายสมศักดิ์เป็นคนขับรถ ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนขับรถกระบะตามประกบ เมื่อได้จังหวะคนร้ายที่นั่งอยู่ในกระบะหลังได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจนเสียชีวิตหมดทั้งรถ จากนั้นจึงหยิบอาวุธปืนอาก้า เอ็ม 16 ปืนพกสั้นขนาด .38 และ 9 มม.อย่างละ 1 กระบอก ซึ่งเป็นของ อส.ทั้ง 3 นายหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวอีกกระแสหนึ่งว่า อาจมีบุคคลลึกลับมีรถจักรยานยนต์ คาดว่าเป็นพวกเดียวกับที่ก่อเหตุ ทำทีเรียกรถของ อส.ให้จอดข้างทางก่อน จากนั้นคนร้ายที่เป็นกลุ่มติดอาวุธและมีรถกระบะเป็นพาหนะจึงขับเข้ามายิงแล้วหลบหนีไป
ยิงดับ 2 ศพที่ยะหา - ปล้นรถพ่อค้าเร่ที่รือเสาะ
วันจันทร์ที่ 8 ต.ค.เช่นกัน เวลาประมาณ 18.05 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิง นายหัสปูลอฮ ยิมิง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124/1 บ้านเนียง หมู่ 4 ต.เปาะเส้ง อ.เมือง จ.ยะลา และ นายโมฮัมหมัดสุกรี โต๊ะตียอ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/3 บ้านยะลา หมู่ 1 ต.ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบนถนนสายยะหา-บ้านเนียง ท้องที่บ้านลูกา หมู่ 3 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา ขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขขน 414 ยะลา จาก อ.ยะหา มุ่งหน้า อ.เมืองยะลา
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุเบื้องต้น พบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ในลักษณะใช้ขาตั้ง ไม่ได้ล้มลงไปกับพื้นถนน คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะรู้จักกับคนร้าย และได้จอดรถคุยกันก่อน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
ส่วนที่บ้านปูโป๊ะ หมู่ 2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนจี้ชิงรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีเทา หมายเลขทะเบียน กบ 5960 สงขลา ซึ่งเป็นของ นายเจริญ แกมทอง เจ้าของร้านเจริญยะลา ขณะพาพนักงานขาย 6 คนเข้าไปแนะนำสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าในหมู่บ้าน โดยได้จอดรถทิ้งเอาไว้ และให้พนักงาน 2 คนเป็นคนเฝ้า เมื่อคนร้ายไปถึงรถก็ได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานของร้าน ก่อนชิงรถไป เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการปล้นรถธรรมดา หรือเป็นการนำรถไปประกอบเป็นคาร์บอมบ์
แก๊งวางบึ้มป่วนเมืองสารภาพรับจ้าง500
วันจันทร์ที่ 8 ต.ค. นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย พ.ท.พิเชษฐ์ ชุติเดโช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายอับดุลเลาะ บาเห อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 บ้านกอลำ หมู่ 1 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และ นายฮามาดา หะยีดาโอ๊ะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/9 หมู่ 7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาลอบวางระเบิดปลอมเพื่อข่มขู่ บริเวณหน้าร้านขายน้ำแข็งนิบง ถนนวิฑูรอุทิศ 1 ตัดกับถนนวิฑูรอุทิศ 5 ย่านตลาดเก่า ในเขตเทศบาลนครยะลา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา จับกุมตัวได้หลังก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายเดชรัฐ กล่าวว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่าในวันเกิดเหตุ นายฮามาดาได้ขี่รถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีดำ หมายเลขทะเบียน กรล 399 ยะลา โดยมีนายอับดุลเลาะนั่งซ้อนท้าย แล้วนำวัตถุต้องสงสัยไปวางที่หน้าร้านดังกล่าว ซึ่งวัตถุต้องสงสัยนั้นบรรจุในกล่องกระดาษ มีการต่อวงจรไฟฟ้าให้ดูคล้ายระเบิด ทั้งยังห่อในถุงสีดำ แต่หลังจากที่ผู้ต้องหางนำวัตถุต้องสงสัยไปวาง ปรากฏว่ามีชาวบ้านเห็นและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ จึงสามารถสกัดจับได้
พ.ท.พิเชษฐ์ กล่าวเสริมว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับคำสั่งจาก นายมะ ไม่ทราบนามสกุล ให้นำระเบิดปลอมไปวางที่หน้าร้านน้ำแข็งเพื่อข่มขู่ไม่ให้ผู้ประกอบการทำการค้าขายในวันศุกร์ โดยได้ค่าจ้าง 500 บาท หลังจากนี้จะขยายผลติดตามตัวนายมะที่ผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่าเป็นผู้สั่งการ มาดำเนินคดีต่อไป
แฉบึ้มรถตำรวจปะแตตอบโต้ค้นบ้านแกนนำ
สำหรับความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถตำรวจ สภ.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ขณะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาล เหตุเกิดในท้องที่ สภ.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และผู้ต้องหาบาดเจ็บด้วย 1 รายนั้น
พ.ต.อ.ธรสิทธิ์ มัทยาท ผู้กำกับการ สภ.ลำใหม่ กล่าวว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการรวมดาวกระจายของแกนนำที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.หน้าถ้ำ ต.ท่าสาป และ ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา เพื่อตอบโต้กรณีถูกตำรวจ สภ.ลำใหม่ ตรวจค้นกดดันที่บ้านของแกนนำรายหนึ่งเมื่่อวันศุกร์ที่ 5 ต.ค. ซึ่งการวางระเบิดดังกล่าว กลุ่มคนร้ายไม่ได้มีเป้าหมายที่แน่นอน เพียงแต่ให้เป็นรถของตำรวจ ทหาร หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองวิ่งผ่านเท่านั้นก็จะกดระเบิดทันที
รวบแกนนำคนสำคัญที่รามัน
ด้านปฏิบัติการของฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันจันทร์ที่ 8 ต.ค. พ.ต.ท.อำไพ ชุมช่วย รองผู้กำกับการ สภ.รามัน จ.ยะลา นายธนินทร์ วีระพันธุ์ ปลัดป้องกัน อ.รามัน รับผิดชอบงานปราบปรามยาเสพติด ได้นำกำลังตำรวจและ อส.เข้ากวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่บ้านพอเม็ง หมู่ 4 กายูบอเกาะ อ.รามัน และตามจับกุม นายกามัน ชัยชนะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/2 หมู่ 4 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ได้โดยบังเอิญ โดย นายกามัน มีหมายจับที่ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในคดีความมั่นคงหลายคดี
ทั้งนี้ รถของนายกามัน มี นายรอนิง รอฮิง อายุ 35 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านสาตอ ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน นั่งซ้อนท้ายมาด้วย แต่เมื่อถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ นายรอนิงวิ่งหลบหนีไปได้ ส่วนนายกามันถูกจับกุมดังกล่าว
พ.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) กล่าวว่า นายกามันเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดี มีประวัติโชกโชน และน่าจะร่วมในเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถตำรวจสถานียุทธศาสตร์วังพญา อ.รามัน ทำให้ ร.ต.ท.สุธรรม อ้นทอง หัวหน้าสถานี เสียชีวิตพร้อมลูกน้อง 5 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา
มาเลย์พร้อมหนุนไทยเจรจากลุ่มป่วนใต้
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ต.ค.ภายหลังเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เห็นว่าประเทศไทยควรมีแนวทางในการพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และยังได้เน้นว่าการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า ความสงบในภาคใต้ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคาดหวังว่าความสงบจะเกิดขึ้น และได้ให้คำแนะนำในการเจรจากับทุกกลุ่มเพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน โดยมาเลเซียพร้อมให้การสนับสนุนประเทศไทย
“ผมเชื่อว่าปัญหาสามจังหวัดชายแดนต้องใช้ทั้ง 2 วิธี คือ พูดคุยกับกลุ่มต่างๆ และหากมีการกลับคืนสู่ความสงบ ทางการก็จะลืมเรื่องเก่า และหวังว่าความหวังดีระหว่างไทย-มาเลเซียจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย ส่วนการปักธงมาเลเซียหลายร้อยจุดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ทางมาเลย์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง และเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มคนไม่หวังดีเพื่อสร้างภาพให้เห็นว่ามีความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ” นายสุรพงษ์ ระบุ
---------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายดักยิงวัยรุ่นเสียชีวิต 2 รายที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 8 ต.ค. (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข่าวแถลงของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยสำนักข่าวเนชั่น