ยิงครูตายรายที่ 152 "บุญสม"จี้ปรับแผน รปภ.
ใต้เดือดยิงครูดับอีกหนึ่งที่ระแงะ ชี้เป็นรายที่ 152 ตลอด 9 ปีไฟใต้ ประธานสมาพันธ์ครูฯ เผยเป็นครูอาสา บ้านเดิมอยู่ราชบุรี ถกเครียดแม่ทัพภาค 4 ปรับแผน รปภ.ดึงกองกำลังท้องถิ่นร่วม ด้านคนร้ายยังปูพรม "ยิงรายวัน" ไม่เว้นหญิงพนักงานกวาดถนนเทศบาลปะนาเระถูกส่องปางตาย สามี-ภรรยาตกเป็นเป้าอีก 2 คู่ ถนนสาย 410 เกิดเหตุเพียบ
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงร้อนระอุและมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นรายวัน โดยเมื่อเวลา 16.00 น.วันจันทร์ที่ 1 ต.ค.2555 ร.ต.อ.บุญศักดิ์ หนูหมาด ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงครูเสียชีวิตบนถนนสายจะแนะ-บองอ ท้องที่บ้านบองอ หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45
ในที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม หมายเลขทะเบียน ขตย 697 นราธิวาส ล้มคว่ำอยู่บนถนน ใกล้ๆ กันพบกองเลือดขนาดใหญ่ ส่วนผู้เสียชีวิตมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลจะแนะ จ.นราธิวาส เพื่อให้แพทย์ชันสูตรศพเบื้องต้นแล้ว ทราบชื่อคือ นายคมสันติ์ โฉมยงค์ อายุ 40 ปี ข้าราชการครู คศ.1 โรงเรียนบ้านบองอ อ.ระแงะ บรรยากาศที่โรงพยาบาลเต็มไปด้วยเพื่อนครูที่ตามไปดูศพแน่นขนัด บางรายถึงกับร้องไห้ด้วยความสลดใจ
สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงหลังเลิกเรียน นายคมสันติ์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามลำพังเพื่อเดินทางกลับบ้านซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ แต่ระหว่างทงถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบและชักอาวุธปืนยิงใส่ ทำให้ครูคมสันติ์เสียชีวิตคาที่ จากนั้นคนร้ายได้จอดรถและเดินไปหยิบอาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ของครูคมสันติ์ ก่อนจะหลบหนีไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เสียสละไป-กลับเองเพราะรู้ตัวตกเป็นเป้า
มีข้อมูลจากเพื่อนครูด้วยว่า ครูโรงเรียนบ้านบองอใช้วิธีจ้างเหมารถรับส่งเพื่อเดินทางไป-กลับพร้อมกัน โดยมีกองกำลังของเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ มีครูคมสันติ์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดินทางไป-กลับเองโดยใช้รถจักรยานยนต์ และเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อยๆ เนื่องจากครูคมสันติ์เป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทราบดีว่าตนเองตกเป็นเป้าสังหารของกลุ่มคนร้าย จึงไม่อยากให้เพื่อนครูตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
เผยเป็นครูอาสา – บ้านเดิมอยู่ราชบุรี
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ครูคมสันติ์นับเป็นบุคลากรทางการศึกษารายที่ 152 ที่ต้องสังเวยชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยหลังเกิดเหตุ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้โทรศัพท์มาพูดคุยและแสดงความเสียใจ เขาจึงได้สอบถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) ว่าจะปรับปรุงอย่างไร แม่ทัพภาค 4 บอกว่าจะเปลี่ยนให้ใช้กำลังท้องถิ่นควบคู่กับกำลังทหาร อย่างไรก็ดี เขาเห็นว่าขณะนี้การ รปภ.ครูยังเป็นภารกิจของทหาร จึงต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ไปก่อน และต้องหารือกันเพื่อวางมาตรการที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
"ครูคมสันติ์เป็นครูอาสา บ้านเดิมอยู่ที่ จ.ราชบุรี และอาสาลงมาสอนเด็กที่ชายแดนใต้ ครูเหล่านี้เหลือน้อยมากในพื้นที่ ทุกหน่วยน่าจะร่วมมือกันดูแลรักษาชีวิตเอาไว้" นายบุญสม กล่าว และว่าหลังจากนี้จะมีการประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อวางแผน รปภ.กันใหม่ เพราะครูยังตกเป็นเป้าอยู่
ยิงรายวันเพียบ – หญิงพนักงานกวาดถนนยังไม่เว้น
วันเดียวกันยังเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ โดยเมื่อเวลา 14.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนเอ็ม16 ซุ่มยิง นายสุวรรณ ปาเนาะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/3 บ้านตืองอ หมู่ 3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบริเวณคอสะพานบ้านตืองอ หมู่ 3 ต.ศรีบรรพต ขณะที่นายสุวรรณกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระในเขตเทศบาลตำบลศรีสาคร มุ่งหน้ากลับบ้าน
เวลา 05.40 น.ขณะที่ นางวิไลวรรณ สันสารา อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นพนักงานกวาดถนนของเทศบาลตำบลปะนาเระ อยู่บ้านเลขที่ 105/1บ้านนาพร้าว หมู่ 2 ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กำลังปฏิบัติหน้าที่กวาดถนนสายรองในเขตเทศบาลอยู่นั้น ปรากฎว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 02.10 น.คนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายแวอารง แวเย็ง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/2 หมู่ 6 บ้านฮูแตบองอ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะนำรถยนต์เข้าจอดในโรงรถของบ้าน ทำให้นายแวอุเซ็งได้รับบาดเจ็บสาหัส
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 00.05 น. ขณะที่ นายลีกี กูโน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/3 หมู่ 5 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กำลังเดินทางออกจากบ้านเพื่อนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเพื่อกลับบ้านของตนเอง ปรากฏว่าระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่จนเสียชีวิต ทั้งสองเหตุการณ์ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
เวลา 21.00 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่บ้านของ นายมามะ มามะ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/2 บ้านเกาะเปาะเหนือ หมู่ 1 ต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ส่วนที่ อ.สะเดา จ.สงขลา พ.อ.จตุพร กลัมพสุต หัวหน้าคณะทำงานแก้ปัญหาภัยแทรกซ้อน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ศุลกากรภาค 4 เข้าตรวจค้นเป้าหมายซึ่งเป็นโกดังเก็บน้ำมันเถื่อน 2 แห่ง สามารถยึดของกลางน้ำมันเถื่อน อาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน และเอกสารการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งคลิปวีดีโอเหตุการณ์รุนแรงที่ จ.ปัตตานี ด้วย จึงควบคุมตัวคนเฝ้าโกดังไปสอบสวนขยายผล
"สามี-ภรรยา" ตกเป็นเป้าอีก 2 คู่
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ย.ก็มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์เช่นกัน โดยเมื่อเวลา 06.50 น.เจ้าหน้าที่พบศพ นายมะนูเซ็ง มะดิง อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 บ้านต้นพิกุล หมู่ 4 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 4065 บ้านลูกา หมู่ 3 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดบริเวณลำตัว สอบถามคนที่บ้านทราบว่านายมะนูเซ็งออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.เวลา 20.30 น.แล้วไม่กลับเข้าบ้านอีกเลย จนเจ้าหน้าที่พบศพดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
เวลา 08.35 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นางเยาวมาลย์ สุขาเขิน อายุ 50 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และ น.ส.พัชญา สุขาเขิน อายุ 24 ปี ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 22/6 หมู่ 1 บ้านหน้าถ้ำ ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่ทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านบือราแง หมู่ 3 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คนร้าย 4 คนซุ่มอยู่ในสวนยางพาราข้างทาง ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ นายสมจิตร สว่างเมฆ อายุ 46 ปี และ นางกองศรี งามหนองอ้อ อายุ 42 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณสวนยางพาราหลังโรงเรียนวังกะพ้อพิทยาคม บ้านเจาะกะพ้อ หมู่ 2 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ ขณะที่ทั้งสองกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังจากเสร็จงานกรีดยางพารา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
เวลา 12.15 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.ประกบยิง นายอำพันธ์ บุญรัตน์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 334 หมู่ 5 ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา กับ นางสุรียา อาลี อายุ 30 ปีซึ่งเป็นภรรยา ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 21/2 ถนนสิโรรส 4 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา โดยกระสุนถูกนางสุริยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายอำพันธ์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากรถจักรยานยนต์ล้ม เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องทีบ้านป่าหวัง หมู่ 1 ต.บันนังสตา ขณะที่ทั้งคู่กับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา ออกจากเขตเทศบาลนครยะลามุ่งหน้ากลับบ้านที่ ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ธารโตระอุ ไล่ยิงผู้หญิง-ปาระเบิดบ้านชาวบ้าน
ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เวลา 13.00 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดลอบยิง น.ส.ชดารัตน์ อันเอี่ยม อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/1 บ้านบ่อหินนอก หมู่ 11 ต.บ้านแหร ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ช่วงบ้านบูโล๊ะสะนีแย หมู่ 4 ต.บ้านแหร หลังออกจากตลาดธารโตกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน
เวลา 18.45 น.คนร้ายใช้ระเบิดขว้างแบบ เอ็มเค-2 ขว้างใส่บ้านของ นายถนอม มุลสุขราช เลขที่ 7 บ้านบ่อหิน หมู่ 5 ต.บ้านแหร แต่ระเบิดไม่ทำงาน เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ที่ จ.นราธิวาส เวลา 13.00 น.คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดประกบยิง นายสุรศักดิ์ คงเทพ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/52 หมู่ 4 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ และ นายจำรัส เพ่งสุวรรณ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191/1 หมู่ 9 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในท้องที่บ้านฮูแตทูวอ หมู่ 4 ต.โคกเคียน ขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 2 คันกลับจากขายผลปาล์ม เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เผารถแบ็คโฮ-บึ้มเสาส่งสัญญาณมือถือ
ที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เวลาประมาณ 04.00 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางเพลิงเผารถแบ็กโฮของบริษัทนราพาราวูด จำกัด ได้รับความเสียหายทั้งคัน โดยรถแบ็คโฮคันดังกล่าวใช้ในงานลากไม้ยางพาราออกจากสวนยางในหมู่บ้านปอเนาะ หมู่ 6 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
ส่วนที่ อ.รามัน จ.ยะลา เวลา 14.00 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดเสารับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัทดีแทค ที่บ้านสะโต หมู่ 5 ต.อาซ่อง ทำให้หลังคาตู้ควบคุมสัญญาณโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง มีธงลายขาวแดงพื้นหลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวและดาวห้าแฉกสีเหลือง 5 ดวงจำนวน 2 ผืนถูกผูกเอาไว้ตรงจุดเกิดเหตุด้วย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าทั้งสองเหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
กู้ระทึกกล่องระเบิดที่บาเจาะ
ด้านผลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เมื่อเวลา 07.10 น.วันจันทร์ที่ 1 ต.ค.เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ตรวจพบวัตถุต้องสงสัย เป็นกล่องกระดาษสี่เหลี่ยม มีสายไฟโผล่ออกมา ถูกวางไว้บริเวณจุดกลับรถบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ถนนสายหลักระหว่างปัตตานี-นราธิวาส) หน้าโรงเรียนยะลูตง ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จึงได้ปิดกั้นพื้นที่ พร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกองทัพเรือ จากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ เข้าเก็บกู้ โดยใช้หุ่นยนต์และปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย ปรากฏว่าภายในกล่องเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบแผงวงจรอิเลคทรอนิกส์เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีสะเก็ดระเบิด สันนิษฐานว่าเป็นความพยายามก่อกวนของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 00.30 น.วันเดียวกัน กำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 33 ได้เข้าเชิญตัว นายอาหะมะ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทำลายธงชาติไทยและแขวนธงชาติประเทศมาเลเซีย พร้อมวางวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2555 โดยมีหลักฐานดีเอ็นเอยืนยัน ทั้งนี้นายอาหามะถูกคุมตัวไปซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : นายบุญสม ทองศรีพลาย (ภาพจากแฟ้มภาพอิศรา)