วันอีด...วันสังคมสงเคราะห์ของมุสลิมทั่วโลก
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมูฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน
วันที่ 19 สิงหาคมปีนี้เป็นวัน "อีดิลฟิฏรฺ" (ฉลองหลังถือศีลอด) ของชาวมุสลิม
"วันอีด" เป็นวันสำคัญของประชาชาติมุสลิมทั่วโลกซึ่งมีขึ้นเมื่อกว่า 1,400 ปีมาแล้ว ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 วัน คือ "วันอีดิ้ลฟิฏรฺ" และ "วันอีดิ้ลอัฎฮา"
โดยท่านศาสนทูตมูฮัมมัดได้กล่าวไว้ความว่า "อัลลอฮฺทรงเปลี่ยนสองวันนี้ (ที่พวกท่านกำลังฉลองอยู่ตามประเพณีอาหรับโบราณ) ด้วยสองวันอันประเสริฐยิ่งกว่า คือ วันอีดิ้ลฟิฏรฺ และวันอีดิ้ลอัฎฮา"
วันอีดิ้ลฟิฏรฺนั้นจะมีขึ้นหลังจากถือศีลอด ในขณะที่วันอีดิ้ลอัฎฮาจะเป็นช่วงที่มุสลิมไปทำฮัจญ์ ซึ่งจะห่างจากวันอีดิ้ลฟิฏรฺ 2 เดือน 10 วัน
สิ่งที่เราเห็นและทราบเป็นประจำก็คือการปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดด้วยการละหมาดเพื่อขอบคุณพระเจ้าที่สามารถผ่านบททดสอบได้ตลอดหนึ่งเดือน เป็นการเสริมจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แต่มีผู้คนน้อยมากที่ทราบว่าในวันดังกล่าวยังเป็นวันสังคมสงเคราะห์ของชาวมุสลิมทั่วโลก ซึ่งคนยากคนจนตั้งตารอคอยนับปี ในขณะที่ปีนี้จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดเดือนรอมฎอนสื่อนำเสนอแต่ระเบิด ความรุนแรง แม้แต่ช่วงวันอีด หน่วยข่าวกรองก็ออกมาเตือนให้ระวังเหตุร้าย ทำให้สิ่งดีๆ ตลอดทั้งเดือนไม่ค่อยถูกเสนอ
เรื่องดีๆ ที่ควรถูกตีแผ่คือการ "สังคมสงเคราะห์" ของชาวมุสลิมต่อคนยากจน กล่าวคือ ในคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนหรือช่วงเช้าของวันอีด (ฮารีรายอ) จะเห็นชาวบ้านจำนวนมากจะออกจากบ้านไปหาคนยากจนหรือเจ้าหน้าที่มัสยิดเพื่อ จ่ายซะกาตฟิฏเราะห์
คำว่า "ซะกาตฟิฏเราะห์" (ทานบังคับ) คือ ซะกาตที่จำเป็นจะต้องจ่ายอันเนื่องจากหมดภาระถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งจำเป็นแก่มุสลิมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง เพียงแต่ผู้ที่จะเป็นผู้จ่ายนั้นจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้อุปการะผู้อื่น โดยจ่ายเพื่อตัวเขาและเพื่อคนที่อยู่ในครอบครัวทุกคน และคนที่ต้องรับผิดชอบด้วย
สำหรับปริมาณที่ต้องจ่าย คือ คนละ 1 ศออฺ (ในภาษาอาหรับ) หรือประมาณเกือบ 4 ลิตรของอาหารหลักในท้องถิ่นนั้นๆ เช่น ในประเทศไทย คือ ข้าวสาร เป็นต้น หรือคิดเป็นเงินประมาณ 80 บาท โดยจะจ่ายให้แก่บุคคลคนยากจน
นอกจากซะกาตฟิฏเราะห์แล้วยังมีซะกาตทรัพย์สินที่พ่อค้านักธุรกิจนิยมจ่าย 2.5 เปอร์เซ็นต์จากทรัพย์สินในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน ไม่นับรวมบริจาคทานอื่นๆ ที่ให้กับเด็กๆ สตรีหม้าย เด็กกำพร้า และบุคคลทั่วไป
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า "วันอีด" เป็นวันสังคมสงเคราะห์ให้กับสังคม ซึ่งถือเป็นการแบ่งเบาภาระรัฐได้อย่างมาก เพราะซะกาตจะทำหน้าที่อุดช่องว่างระหว่างรายได้ในสังคมให้แคบลงในที่สุด
กลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำสามารถตอบสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของตนโดยผ่านการ "จัดสรรรายได้" ซึ่งซะกาตทำให้เกิดการหลีกเลี่ยงการสะสมทรัพย์สิน เนื่องจากทรัพย์สินจะหมุนเวียน ไม่สะสมในมือคนไม่กี่คน แต่ต้องกระจายออกไปเพื่อทุกฝ่ายที่มีความจำเป็นในทรัพย์สินนั้นได้มีโอกาสสัมผัสถึงความสุขร่วมกัน
ในขณะเดียวกันการรับซะกาต จะทำให้ผู้รับมีกำลังซื้อมากขึ้น ในแง่เศรษฐกิจแล้วจะเป็นอุปสงค์ต่อสินค้าในตลาดที่เพิ่มขึ้น อุปสงค์ส่วนเกินจะเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตได้ผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนเพิ่ม เมื่อมีการลงทุนก็จะมีการจ้างงานเพิ่ม อุปสงค์ต่อแรงงานก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มาตรฐานการครองชีพในระยะยาวก็จะดีขึ้น ส่งผลต่อผู้จ่ายซะกาตในแง่ของประโยชน์ในรูปรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น อันมาจากการเพิ่มผลผลิตและรายได้ของรัฐนั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวจำนวนซะกาตของผู้จ่ายซะกาตก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับผลที่มีต่อรัฐ คือ ทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนแคบลง ลดปัญหาสังคมที่จะตามมา
หวังว่าศาสนธรรมและสันติธรรมจะไม่ใช่เป็นเพียงเป้าหมายเท่านั้น แต่เป็นวิถีทางที่สำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และขอดุอาอ์ (พร) จากอัลลอฮซุบฮานะฮุ วะ ตะอาลา โปรดทรงรวมพลังของพวกเราให้อยู่บนทางนำ และรวมหัวใจของพวกเราอยู่บนความรักฉันท์พี่น้อง รวมทั้งขอให้ความมุ่งมั่นของพวกเราอยู่บนการงานที่ดี
ขอให้พระองค์ทรงทำให้วันนี้ของพวกเราดีกว่าเมื่อวาน ให้พรุ่งนี้ของพวกเราดีกว่าวันนี้ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงอยู่ใกล้ และนำความสงบสุขสู่จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งประเทศชาติทั้งมวลด้วยเทอญ
สุขสวัสดี...วันตรุษอีดิ้ลฟิฏรฺ ฮิจเราะห์ศักราชที่ 1433...อามีน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) เป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา
บรรยายภาพ : มุสลิมบริจาคทานให้เด็กๆ ในช่วงเช้าของวันรายอ (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)