คนพื้นที่ชี้รัฐสอบตกดับไฟใต้ จี้ "ยกเครื่อง" นโยบายทุกด้าน
สำรวจความเห็นคนชายแดนใต้ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์"สอบตกแก้ปัญหาปลายด้ามขวาน ภาคธุรกิจชี้นโยบายสับสน ปล่อยสถานการณ์รุนแรงยืดเยื้อจนเศรษฐกิจซึมยาว จี้เน้นงานพัฒนาให้มากขึ้น ส่วนองค์กรใหม่ "ศปก.จชต." เกาไม่ถูกที่คัน ด้านชาวบ้านบ่นเบื่อ ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ราคายางก็ร่วง ผู้นำศาสนาปูด 8 เงื่อนไขทำไฟใต้โชน ทั้งแยกดินแดน ยาเสพติด ทุจริตหาประโยชน์จากงบประมาณ ประสานเสียงนักวิชาการจี้ยกเครื่องนโยบายทุกด้าน
ความรุนแรงขนาดใหญ่หลายครั้งที่เกิดขึ้นทั้งที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐนาวายิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพการทำงาน ความเอาใจใส่ต่อปัญหา และนโยบายยุทธศาสตร์ที่หยิบมาใช้ กระทั่งพรรคฝ่ายค้านเตรียมใช้เป็นประเด็นหลักในการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจภายในสมัยประชุมรัฐสภานี้
แม้ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นั่งหัวโต๊ะเรียกประชุมผู้แทนจาก 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนบูรณาการดับไฟใต้ พร้อมออกมาตรการระยะสั้น และตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ขึ้นมาอีก 1 ศูนย์ แต่ก็ดูเหมือนยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้มากนัก โดยเฉพาะจากความเห็นของคนในพื้นที่เอง ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ผู้นำศาสนา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และประชาชนทั่วไป
นายสมศักดิ์ อิสริยะภิญโญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ก่อผลกระทบให้กับคนในพื้นที่เป็นจำนวนมากและกินเวลานาน แต่รัฐบาลก็ยังไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ จนประชาชนทั่วไปเกิดความเคยชิน ในส่วนของภาคธุรกิจก็ได้รับผลกระทบกันจนชิน และมีภาวะเติบโตแบบขึ้นๆ ลงๆ ตามสถานการณ์ในพื้นที่
"จะเห็นว่าเมื่อเกิดระเบิดครั้งหนึ่ง นักท่องเที่ยวจะหายไปจากพื้นที่ แต่สักพักก็จะค่อยๆ ดีขึ้นจนสามารถพออยู่ได้ แต่พอระเบิดอีก นักท่องเที่ยวก็หายไปอีก เราก็ต้องเผชิญกับภาวะยากลำบากอีก ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา" นายสมศักดิ์ ระบุ
สำหรับองค์กรใหม่ คือ ศปก.จชต. ที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบสถานการณ์ด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลควรเน้นงานด้านการพัฒนามากกว่า และที่สำคัญคือการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งมาตรการภาษีและส่งเสริมการลงทุน ซึ่งอยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณา เพราะสามารถยืดอายุของภาคธุรกิจในพื้นที่ได้มากทีเดียว
เจ้าของซี.เอส.อัดรัฐไร้ทิศทางดับไฟใต้
นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะเจ้าของโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเพิ่งถูกลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา กล่าวว่า ทิศทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชัดเจนและขาดความแน่นอน มาตรการที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นการวิ่งตามปัญหามากกว่าที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา สุดท้ายจึงส่งผลให้หลายปัญหาเกิดขึ้นและประดังเข้ามา
"การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ และประชาชนเองก็สับสน เหมือนกับมาตรการเคอร์ฟิวที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะประกาศหรือไม่ประกาศ เพราะรัฐบาลพูดอย่างหนึ่ง แต่ฝ่ายความมั่นคงก็พูดอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น" นายอนุศาสตร์ ระบุ และว่าแม้แต่นโยบายเชิงรับอย่างการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ก็ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย และกำลังก่อปัญหาความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในพื้นที่อีกด้วย
นักการศาสนาชี้ยังดีส่ง"ทวี"นั่ง ศอ.บต.
นายอับดุลอาซิซ ยานยา นายกสมาคมสถาบันปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การแก้ปัญหาในภาพรวมมีสะดุดหลายเรื่อง แต่สิ่งที่เดินถูกทางคือการเน้นงานพัฒนาและแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมผ่านทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยเฉพาะการส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ลงมาทำหน้าที่เลขาธิการ ศอ.บต. เพราะเป็นผู้ที่มีความจริงใจกับประชาชน แก้ปัญหาให้ประชาชนได้
"ผมอยากให้รัฐบาลเน้นเรื่องความเป็นธรรมและการศึกษา ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อเยาวชนคนรุ่นใหม่" นายอับดุลอาซิซ ระบุ และว่า เห็นด้วยกับการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ และการสั่งเปิดโรงเรียนปอเนาะหรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่เคยถูกฝ่ายความมั่นคงสั่งปิดไป เหล่านี้ถือว่ารัฐเริ่มเข้าใจและเริ่มแก้ไขปัญหาได้ถูกทาง
ชาวบ้านบ่นเบื่อ-เปลี่ยนรัฐบาลไม่ดีขึ้น
ด้านความเห็นของประชาชนทั่วไป นางวันเพ็ญ (สงวนนามสกุล) วัย 52 ปี ชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่ กล่าวว่า ทุกวันนี้คนที่อาศัยอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องอยู่อย่างหวาดผวา รัฐไม่สามารถแก้ปัญหาความรุนแรงได้ แค่สร้างความหวังให้กับชาวบ้านแล้วก็เงียบหายไป หลายๆ เรื่องชาวบ้านต้องเผชิญปัญหาเอง รัฐไม่ได้เป็นที่พึ่ง สภาพแบบนี้ทำให้ชาวบ้านหมดหวังและอยู่กันไปตามสภาพ นโยบายที่ประกาศก็ไม่ชัดเจน คนที่มารับผิดชอบปัญหาก็ไม่ค่อยมีความตั้งใจและไม่ต่อเนื่อง
"หลายครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาลเราก็รู้สึกตั้งความหวัง โดยเฉพาะเมื่อมีการพูดคุยถึงแนวทางการแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน แต่พอเวลาผ่านไปกลับไม่มีอะไรคืบหน้าหรือดีขึ้นเลย ชาวบ้านก็ยังอยู่ไปวันๆ เพราะรัฐบาลไม่ได้สนใจปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง" นางวันเพ็ญ ระบุ
ขณะที่ นายฮารง ลาแตะ อายุ 46 ปี ชาว อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ทุกวันนี้ขอแค่ราคายางพาราดีก็พอ ปัญหาอื่นชาวบ้านไม่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรง ตลอดจนปัญหายาเสพติดและของหนีภาษี เพราะรัฐไม่สามารถดูแลได้จริง เนื่องจากมันคือผลประโยชน์
"1 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ทำให้คนที่นี่รู้สึกดีขึ้นหรือปลอดภัยขึ้นกว่ายุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทุกอย่างเหมือนเดิม ชาวบ้านต้องพึ่งตัวเองเหมือนเดิม แก้ปัญหาเอง สินค้าจะแพง ยางจะถูก ชาวบ้านก็ต้องยอมรับ เพราะไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากใครได้เลย" นายฮารง กล่าว
นักวิชาการจี้ยกเครื่องนโยบายทุกด้าน
นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) และผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมามีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่เห็นแนวโน้มการคลี่คลาย ในทางวิชาการเรียกว่ามีความยืดเยื้อเรื้อรัง มีคนตายไปแล้ว 5,200 ราย บาดเจ็บกว่า 9 พันราย เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นก่วา 1 หมื่นครั้ง
"ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.เป็นต้นมา ซึ่งเป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน มีเหตุรุนแรงเกิดมากขึ้น ภาพรวมตั้งแต่เดือนรอมฎอน สถานการณ์ความไม่สงบพุ่งสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา และอาจจะมีความรุนแรงต่อเนื่องต่อไปอีก ฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหา ทั้งทางทหาร กฎหมาย และมาตรการทางการเมืองหลายๆ อย่างที่มีความซับซ้อน ต้องมีการนำเสนอนโยบายที่ชัดเจน โดยเฉพาะการแสวงหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อเป็นทางออกให้กับคนในพื้นที่ต่อไป" นายศรีสมภพ ระบุ
แฉ 8 กลุ่มเงื่อนไขทำไฟใต้โชน
ขณะเดียวกัน นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา ผู้นำศาสนาชื่อดัง ได้หยิบยกผลสำรวจที่เป็นข้อมูลวิจัยของ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา อดีตผู้ว่าฯยะลา เกี่ยวกับสาเหตุของความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้นำสี่เสาหลัก (ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา และผู้นำธรรมชาติ) และผู้ที่เข้ารายงานตัวต่อทางราชการ แล้วนำมาเขียนเป็นบทความเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
บทความของนายนิมุ ระบุว่า สถานการณ์ภาคใต้ในปัจจุบันเกิดจาก 8 กลุ่มเงื่อนไข คือ รุนแรงเพื่อแบ่งแยก รุนแรงเพื่อขอความเป็นธรรม ธุรกิจเถื่อนและสินค้าหนีภาษี ธุรกิจค้ายาเสพติด ความขัดแย้งของกลุ่มการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาขัดแย้งส่วนตัว และผลประโยชน์จากงบประมาณ สอดคล้องกับผลสำรวจที่ชี้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้มาจากกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องความไม่เป็นธรรมทางสังคม ความไม่เป็นธรรมที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ และปัญหายาเสพติด ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองทุกระดับเข้ามาเกี่ยวโยงด้วย ซึ่งยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจะต้องครอบคลุมทุกปัญหาเหล่านี้ จึงจะดับไฟใต้ได้สำเร็จ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-2 บรรยากาศบนถนนรวมมิตร ย่านธุรกิจใจกลางเมืองยะลาที่มีแต่ความเงียบเหงา บริเวณหน้าร้านค้าต่างๆ มีการนำแท่งปูนขนาดใหญ่มาวางไว้เหมือนเป็น "บังเกอร์" เพื่อช่วยลดความเสียหายจากแรงระเบิดทั้งมอเตอร์ไซค์บอมบ์และคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นถี่ยิบในระยะหลัง