ปะทะสนั่น "ทหาร-ผู้ต้องสงสัย" ดับฝ่ายละ1 เด้ง"หมอพรทิพย์"อ้างให้ลงใต้เต็มที่
ชายแดนใต้ยังระอุ ปะทะสนั่นที่เจาะไอร้องหลังทหารพรานระดมกำลังปิดล้อมบ้านเป้าหมาย ผลวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัย 1 ราย ฝ่ายเจ้าหน้าที่พลีชีพ 1 ศพ บาดเจ็บอีก 1 เผยตลอดสัปดาห์กู้ระเบิด-ยึดอุปกรณ์ประกอบบึ้มเพียบ รัฐบาลเด้ง "หมอพรทิพย์" เข้ากรุผู้ตรวจฯ ปลอบใจให้เป็นที่ปรึกษา กปต. อ้างจะได้ช่วยงานภาคใต้ได้เต็มที่
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้แม้ไม่มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ยิงรายวันและการปะทะกันของฝ่ายกองกำลังจนเกิดความสูญเสีย
โดยเมื่อเวลา 23.00 น.วันพุธที่ 22 พ.ค.2556 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ได้จัดกำลังพลจำนวน 50 นาย อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่บ้านไอร์ปาแย หมู่ 5.ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าพบชายต้องสงสัยไปซ่อนตัวในบ้านหลังหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ขณะที่เจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปใกล้บ้านต้องสงสัย เลขที่ 274/9 ได้มีคนใช้อาวุธปืนยิงออกมาจากบ้าน ก่อนมีคนกระโดดหนีออกทางหลังบ้านแล้ววิ่งเข้าไปในสนามฟุตบอลท้ายหมู่บ้าน จากนั้นจึงมีการยิงปะทะกัน 2 ระลอกนานประมาณ 30 นาที
หลังเสียงปืนสงบลง ปรากฏว่ามีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย คือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) โยธิน พรหมช่วย และบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.ต.สินชัย สุขมี ทั้งคู่สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพในสนามฟุตบอล 1 ศพ สภาพศพนอนตะแคง ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงสีฟ้า ถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัวจนพรุน มีอาวุธปืนอาก้าตกอยู่ 1 กระบอก ห่างจากจุดที่พบศพไม่มากนักพบกระเป๋าสัมภาระตกอยู่ 1 ใบ ในกระเป๋าพบบัตรประจำตัวระบุชื่อ นายมาโซ เจ๊ะเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ 5 บ้านโคก ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง
จากการตรวจค้นบริเวณที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ยังสามารถตรวจยึดของกลางได้อีก เป็นกระเป๋าสะพายท่อเก็บเสียงของอาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดไปตรวจหาลายนิ้วมือแฝง พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 2 คนไปสอบปากคำที่ สภ.เจาะไอร้อง
นางมาซือกะ ดือราแม อายุ 33 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ผู้ตายเป็นสามีของตน ก่อนเกิดเหตุสามีเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม เจ้าหน้าที่บอกว่าสามีเป็นมือประกอบระเบิด แต่ตนไม่ทราบมาก่อน
ยิงเจ้าของร้านชำดับที่สุไหงปาดี
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 11.30 น.วันพุธที่ 22 พ.ค. คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่หน้าร้านขายของชำ เลขที่ 21 หมู่ 1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส จากนั้นหนึ่งในคนร้ายได้ทำทีเข้าไปซื้อบุหรี่ เมื่อสบโอกาสได้ชักปืนพกขนาด 9 มม.จ่อยิง นายวิโรจน์ แจ้งวิโรจน์กุล อายุ 46 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นอาสาสมัครรักษาเมือง (อรม.) จนเสียชีวิตคาที่ จากนั้นได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ทหารพรานหญิงสังเวย - 2 ลูกน้อยบาดเจ็บ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พ.ค. เวลา 13.00 น. คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกไม่ทราบขนาดยิง นายซะอุดี รีเด็ง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตคาที่ขณะ นายซะอุดี พักผ่อนอยู่ในบ้านของตนเอง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว
วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.เวลา 19.05 น.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง ส.ท.หญิง อนัสตาเชีย ดือมาลี อายุ 32 ปี สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ขณะขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กง 4506 ปัตตานี อยู่บนถนนในหมู่บ้านพอเหมาะ หมู่ 5 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้ ส.ท.หญิง อนัสตาเซีย เสียชีวิต ส่วนลูก 2 คนที่นั่งมาในรถ และ นางแมะแย อาแซ อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสอบสวนจนทราบว่า ส.ท.หญิง อนัสตาเซีย เพิ่งพาลูก 2 คน คือ ด.ช.ชาริฟ วามะ อายุ 11 ปี และ ด.ญ.อิฟฟารา วามะ อายุ 9 ปี กลับจากเยี่ยมญาติที่บ้านพอเหมาะ หมู่ 5 ต.ทุ่งคล้า กำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน ตั้งอยู่เลขที่ 3/32 บ้านภูมีน้าพุ่ง หมู่ 2 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยมี นางแมะแย นั่งรถมาด้วย แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายดักยิงดังกล่าว ทำให้ ส.ท.หญิง อนัสตาเซีย เสียชีวิต ขณะที่ ด.ช.ชาริฟ ด.ญ.อิฟฟารา และนางแมะแย ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ปัญหาส่วนตัว ทว่าก็ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นก่อความไม่สงบ
กู้ระเบิด-ตามยึดอุปกรณ์ถี่ยิบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ตลอดเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแทบไม่มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งสะท้อนว่าสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะยังคงมีการตรวจพบวัตถุระเบิดและหลุมที่เตรียมไว้ฝังระเบิดหลายครั้ง โชคดีที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม จึงสามารถตรวจพบและสกัดเหตุร้ายได้ก่อน
เมื่อวันพุธที่ 22 พ.ค. เจ้าหน้าที่ทหารพรานจากกองร้อยทหารพรานที่ 4810 กรมทหารพรานที่ 48 พบวัตถุต้องสงสัยขณะเดินลาดตระเวนที่บ้านปิเหล็ง หมู่10 ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รอยต่อกับบ้านโคกสะตอ หมู่ 7 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมที่คนร้ายประกอบใส่ในถังแก๊สสีส้ม ฝังไว้ริมถนนเพื่อรอดักโจมตีชุดรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.ครู) โดยขณะที่ตรวจพบยังไม่มีการเชื่อมวงจรจุดชนวน
วันอังคารที่ 21 พ.ค. ตำรวจ สภ.ระแงะ สนธิกำลังกับกรมทหารพรานที่ 45 เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 5 หลังพื้นที่บ้านปลง หมู่ 1 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 1 บ้านปลง เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ 2 คันที่เจ้าของรถแจ้งหายไว้ก่อนหน้านี้ ถูกดัดแปลงสีและติดป้ายทะเบียนปลอม ทั้งยังพบปุ๋ยยูเรียประมาณ 5 กิโลกรัมด้วย คาดว่าเตรียมนำไปทำมอเตอร์โซค์บอมบ์โจมตีเจ้าหน้าที่
วันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. ตำรวจพบหลุมระเบิดที่คนร้ายขุดไว้ใต้พื้นผิวถนนสายดอนนา-บางทัน หมู่ 5 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด พบใต้ผิวถนนมีถังแก๊สสีส้มซุกอยู่ และมีการต่อสายไฟออกมา ปรากฏว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม จึงได้เก็บกู้และตัดวงจรทั้งหมด ก่อนนำไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายเตรียมลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน
ครม.เด้ง "หมอพรทิพย์" เข้ากรุผู้ตรวจฯ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม และที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้ง พ.ท.นพ.เอนก ยมจินดา รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แทน รวมทั้งมีมติรับโอนและแต่งตั้ง นายสุรศิษฎ์ บัวทรัพย์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ศอ.บต.
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ซึ่งขณะที่ ครม.มีมติโยกย้าย เจ้าตัวปฏิบัติราชการอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ทราบเรื่องแล้ว แสดงให้เห็นว่าการเมืองไม่พอใจในงานที่เธอทำ และอยากให้ประชาชนคิดเอาเอง สำหรับตัวเธอแล้วมองว่าเป็นการลดตำแหน่ง เพราะที่ผ่านมาสาขาที่ขาดแคลนสามารถเสนอขอต่ออายุการดำรงตำแหน่งได้อีก 2 ปี โดยก่อนหน้านี้เธอเพิ่งต่อมาได้เพียง 1 ปี
สำหรับการดำรงตำแหน่งบริหารในส่วนราชการ เช่น ปลัด อธิบดี หรือตำแหน่งเทียบเท่านั้น มีเทอมการดำรงตำแหน่ง 4 ปี และสามารถต่ออายุได้คราวละ 1 ปีอีก 2 ครั้ง โดยในส่วนของ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาแล้ว 5 ปี คือนั่งเก้าอี้ครบเทอมแล้ว 4 ปี และรัฐบาลต่ออายุให้ 1 ปีไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ครั้งที่ 2 คือครั้งนี้ไม่ต่อให้
"ประชา"แจงเหตุย้ายจะได้ลงใต้เต็มที่
อย่างไรก็ดี การโยกย้ายย้าย แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ได้ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมต้องออกมาชี้แจง โดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เป็นการโยกย้ายตามวาระ ซึ่ง แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันครบเทอม 4 ปี และต่ออายุมา 1 ปีแล้ว เท่ากับดำรงตำแหน่งมา 5 ปี จึงเห็นว่ามีงานสำคัญต้องการให้ทำ และได้แต่งตั้ง แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ เป็นที่ปรึกษา กปต. เพราะต้องการให้ไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ได้เต็มที่
สำหรับกระทรวงยุติธรรมจะจัดตั้ง "ยุติธรรมส่วนหน้า" โดยมีผู้บริหารจากกระทรวงยุติธรรมลงไปทำงานด้านกระบวนการยุติธรรมชุมชนให้เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนมากขึ้น
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศปก.กปต.) กล่าวว่า จะเชิญ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ มาเป็นที่ปรึกษา ศปก.กปต.และช่วยกันลงพื้นที่ภาคใต้รับผิดชอบงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานควบคู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนมีความสามารถ ส่วนที่มีข่าว แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ไม่พอใจที่ถูกโยกย้าย ต้องถาม พล.ต.อ.ประชา
ผบ.ทบ.ยัน "คุณหญิงหมอ" คนดี-ไม่มีปัญหาเรื่องงาน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า กับแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้ทำงานด้วยกันมาตลอด การปรับย้ายครั้งนี้กระทรวงยุติธรรมมีอำนาจ ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม และไม่เกี่ยวกับเรื่องการทำงานว่าดีหรือไม่ดี ที่ผ่านมาท่านก็ทำงานดีมาตลอด
"ผมได้สอบถามไปแล้ว ได้รับคำตอบว่าการปรับย้ายครั้งนี้ไม่ใช่เพราะหมอทำงานไม่ดี แต่หน่วยเหนือเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสม ท่านยังทำงานอยู่ที่ กปต. หมอเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด คนที่มาใหม่ (นพ.เอนก ยมจินดา) ก็ต้องทำงานในแนวทางที่หมอทำไว้แล้ว เพราะเริ่มต้นไว้ดีอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาในการทำงาน คงต้องดูแลคนดีกันต่อไป ประเทศไทยต้องการคนดีเยอะๆ ต้องช่วยกัน หมอท่านดีอยู่แล้ว คนใหม่ก็ต้องดี อย่างน้อยก็ต้องดีเท่ากัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เปิดประวัติ "คุณหญิงหมอ-นพ.เอนก"
สำหรับประวัติของ แพทยหญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้โอนย้ายจากตำแหน่งอาจารย์ภาควิชาพยาธิวิทยา และหัวหน้าหน่วยนิติเวชและหน่วยตรวจศพ ภาควิชาพยาธิวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี เข้ารับราชการในกระทรวงยุติธรรมในตำแหน่งผู้อำนวยการกองการแพทย์ เทียบเท่าข้าราชการซี 8 เมื่อปี 2544 ในยุคที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อมาปี 2548 เมื่อกระทรวงยุติธรรมก่อตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์สำเร็จ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้เข้ารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และขึ้นเป็นผู้อำนวยการเมื่อปี 2551
ที่ผ่านมาแม้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ จะมีผลงานเด่นในหลายๆ เรื่อง และการทำงานของเธอก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะการกระทบกระทั่งกับตำรวจ การเก็บหลักฐานทางคดีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 และการเก็บหลักฐานหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
สำหรับ พ.ท.นพ.เอนก เริ่มรับราชการที่กองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ต่อมาได้รับการทาบทามให้ร่วมก่อตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จึงโอนย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักมาตรฐาน และเป็นรองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะขยับออกไปดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 2 ปี และได้รับการเสนอชื่อเป็นข้าราชการระดับ 10 ในตำแหน่งรองเลขาธิการ ศอ.บต. กระทั่งได้รับการสนับสนุนจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แทนแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่เข้าตรวจจุดเกิดเหตุยิงปะทะกันที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยและทหารพรานเสียชีวิต